สติ สัมปชัญญะในชีวิตประจำวัน
ตอน
ความจริงน่าตระหนกประจำโลกที่ถูกมองข้าม ประการที่ ๓
ทุกคนเกิดมาพร้อมกับความสกปรก ไม่มีทารกคนไหนที่พึ่งคลอดออกมาแล้วเนื้อตัวสะอาด ไม่เปื้อนเลือด ไม่เปื้อนน้ำเหลือง เมือกจากครรภ์มารดาท่วมตัวตั้งแต่หัวจรดฝ่าเท้า และนับแต่วินาทีที่คลอดนั้นเป็นต้นมา จนเติบใหญ่ กระทั่งตลอดชีวิต มนุษย์มีแต่สิ่งสกปรกไหลออกจากทวารทั้ง ๙ ของตน ไม่ว่างเว้นแม้วินาทีเดียว ไม่ว่าสิ่งที่ออกมานั้นจะเป็นลมหายใจ เป็นของเหลว เช่น น้ำมูก น้ำลาย เหงื่อ ปัสสาวะ จะเป็นของแข็ง เช่น อุจจาระ ขี้ไคล ขี้ตา ล้วนสกปรกทั้งสิ้น และสุดสกปรกส่งท้ายชีวิตของแต่ละคน คือ ศพของผู้นั้นเอง ที่จะส่งกลิ่นเหม็นเน่า จึงต้องตกเป็นภาระให้คนข้างหลังต้องจัดการให้สะอาดเรียบร้อยต่อไป
ดังที่ท่านผู้รู้จริงได้กล่าวไว้ว่า "กายของเราทุกคนต่างเน่าเปื่อยอยู่เป็นนิจ เพราะฉะนั้นไม่ว่า เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม อาหาร ที่อยู่อาศัยเล็ก ๆ แค่กระต้อบกลางนาหรือมหาราชวังใหญ่โต รวมถึงยารักษาโรคทุกชนิด ซึ่งเดิมนั้นแสนสะอาดปานใดก็ตาม ถ้ามาถูกต้องกับกายของเราเข้า ย่อมสกปรกเปื้อนเปรอะน่าเกลียดอย่างยิ่ง เหมือนกันหมด ไม่มีเว้นเลยแม้แต่คนเดียว" เพราะเหตุนี้ ถ้าใครเกิดมาแล้วแม้ไม่ทำความชั่วใด ๆ เลย แต่ไม่ตั้งใจทำความดีให้สุดชีวิตของตน ย่อมได้ชื่อว่า คนขยะ คนรกโลกอยู่นั่นเอง
ถ้าใครเผลอสติหงุดหงิดกับความสกปรกที่เกิดจากตนเองแล้ว แต่ไม่พยายามฝึกฝนตนให้รู้จักทำความสะอาดจัดระเบียบร่างกายและสิ่งของเครื่องใช้ ตลอดจนควบคุมกำจัดความสกปรกที่ออกมาจากร่างกายตนเองให้ถูกวิธี มีนิสัย มักง่าย ชอบโยนภาระการทำความสะอาด การจัดระเบียบให้ผู้อื่นทำแทน เอาแต่หงุดหงิดขาดความรับผิดชอบ ก็จะเป็นคนสกปรกทั้งกายและใจ ความชั่วอื่น ๆ จะก่อเกิดตามมา และกลายเป็นผู้เพาะปัญหาสังคมและปัญหาเศรษฐกิจให้ระบาดอย่างไม่รู้จบแก่ผู้คนทั้งโลก ซึ่งความชั่วที่เกิดจากความมักง่ายนี้ ดังภาพที่ ๑๑
ตรงกันข้ามหากเราเองแม้ไม่ได้มีอำนาจวาสนาพิเศษใด ๆ แต่ตั้งใจศึกษา ฝึกฝนอบรมตนเอง ให้สามารถป้องกันกำจัดความสกปรกจากกายตนให้ลดลง ทำความสะอาด จัดระเบียบทั้งร่างกาย สิ่งของได้ถูกต้องเหมาะสม ไม่ทำให้ใครต้องเดือดร้อนเพราะความสกปรกนั้น ๆ ก็จัดว่าเป็นความดีได้ระดับหนึ่ง เพราะแม้ทั้งโลกยังไม่สะอาดแต่ก็ไม่ได้สกปรกเพราะเรา หากเราตั้งใจชักชวนคนรอบข้างให้ช่วยกันทำความสะอาด จัดระเบียบทั้งร่างกาย สิ่งของต่าง ๆ เช่นเดียวกัน และร่วมใจกันชักชวนต่อ ๆ กันไป วันหนึ่งโลกทั้งโลกก็อาจสะอาดได้ด้วยหนึ่งสมองสองมือของมนุษย์โดยไม่ยากจนเกินไป
ดังที่ท่านผู้รู้จริงได้กล่าวไว้ว่า "กายของเราทุกคนต่างเน่าเปื่อยอยู่เป็นนิจ เพราะฉะนั้นไม่ว่า เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม อาหาร ที่อยู่อาศัยเล็ก ๆ แค่กระต้อบกลางนาหรือมหาราชวังใหญ่โต รวมถึงยารักษาโรคทุกชนิด ซึ่งเดิมนั้นแสนสะอาดปานใดก็ตาม ถ้ามาถูกต้องกับกายของเราเข้า ย่อมสกปรกเปื้อนเปรอะน่าเกลียดอย่างยิ่ง เหมือนกันหมด ไม่มีเว้นเลยแม้แต่คนเดียว" เพราะเหตุนี้ ถ้าใครเกิดมาแล้วแม้ไม่ทำความชั่วใด ๆ เลย แต่ไม่ตั้งใจทำความดีให้สุดชีวิตของตน ย่อมได้ชื่อว่า คนขยะ คนรกโลกอยู่นั่นเอง
ถ้าใครเผลอสติหงุดหงิดกับความสกปรกที่เกิดจากตนเองแล้ว แต่ไม่พยายามฝึกฝนตนให้รู้จักทำความสะอาดจัดระเบียบร่างกายและสิ่งของเครื่องใช้ ตลอดจนควบคุมกำจัดความสกปรกที่ออกมาจากร่างกายตนเองให้ถูกวิธี มีนิสัย มักง่าย ชอบโยนภาระการทำความสะอาด การจัดระเบียบให้ผู้อื่นทำแทน เอาแต่หงุดหงิดขาดความรับผิดชอบ ก็จะเป็นคนสกปรกทั้งกายและใจ ความชั่วอื่น ๆ จะก่อเกิดตามมา และกลายเป็นผู้เพาะปัญหาสังคมและปัญหาเศรษฐกิจให้ระบาดอย่างไม่รู้จบแก่ผู้คนทั้งโลก ซึ่งความชั่วที่เกิดจากความมักง่ายนี้ ดังภาพที่ ๑๑
ตรงกันข้ามหากเราเองแม้ไม่ได้มีอำนาจวาสนาพิเศษใด ๆ แต่ตั้งใจศึกษา ฝึกฝนอบรมตนเอง ให้สามารถป้องกันกำจัดความสกปรกจากกายตนให้ลดลง ทำความสะอาด จัดระเบียบทั้งร่างกาย สิ่งของได้ถูกต้องเหมาะสม ไม่ทำให้ใครต้องเดือดร้อนเพราะความสกปรกนั้น ๆ ก็จัดว่าเป็นความดีได้ระดับหนึ่ง เพราะแม้ทั้งโลกยังไม่สะอาดแต่ก็ไม่ได้สกปรกเพราะเรา หากเราตั้งใจชักชวนคนรอบข้างให้ช่วยกันทำความสะอาด จัดระเบียบทั้งร่างกาย สิ่งของต่าง ๆ เช่นเดียวกัน และร่วมใจกันชักชวนต่อ ๆ กันไป วันหนึ่งโลกทั้งโลกก็อาจสะอาดได้ด้วยหนึ่งสมองสองมือของมนุษย์โดยไม่ยากจนเกินไป
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลและรูปภาพ
- เว็บกัลายาณมิตร หนังสือ Ebook "สติ สัมปชัญญะ" คำนำ หน้าที่ ๗๙-๘๑
- ภาพดี ๆ๐๗๒
- การ์ด canva ออกแบบโดย brightmind
น้อมกราบอนุโมทนาสาธุครับ
ตอบลบอนุโมทนาบุญค่ะ
ตอบลบ