ร่วมด้วยช่วยกันแชร์เป็นธรรมทาน

วันอาทิตย์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2564

ประธานใหญ่กฐินครั้งแรกของโลก EP.2 การสร้างกำลังใจไม่มีที่สิ้นสุด


ธรรมะจากห้อง Zoom : ธรรมะเทศนา โดย หลวงพ่อทัตตชีโว 

EP.2 วัตถุประสงค์ในการทอดกฐิน  : ตอน การสร้างกำลังใจไม่มีที่สิ้นสุด
ออกรายการวันอาทิตย์ที่ 5 กันยายน 2564
ห้อง Zoom DMC และทุกห้อง และ ช่อง GBN LIVE

ความเดิมตอนที่แล้ว หลวงพ่อทัตตชีโว ได้เล่าเกี่ยวกับเรื่องหลวงปู่วัดปากน้ำ(สด จันทสโร) ว่า ท่านได้สอน ฝึกใจให้หยุดนิ่ง และได้ทำวิชชาธรรมกายให้ปกป้องประเทศไทยในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 หลังจากที่สงครามโลก จบแล้ว ท่านก็ได้ส่งคุณยายอาจารย์อุบาสิกาจันทร์ ให้นำวิชชาธรรมกายเผยแผ่ไปทั่วโลก  คุณยายจึงนำหมู่คณะ ไปสร้างวัดใหม่ ที่ปทุมธานี และได้ขยายพื้นที่เพิ่มเป็น 2,000 ไร่ หลวงพ่อได้ยกตัวอย่างการสร้างวัดพระธรรมกาย ในขณะสร้างวัดมีเหตุการณ์ต่างๆ มากมายเกิดขึ้น แต่มีกำลังใจ และมีเป้าหมายต่อสู้กับอุปสรรค จนกระทั่งวัดสร้างเสร็จ เพื่อรองรับนักสร้างบารมีทั่วโลก ในปัจจุบัน และที่จะมีมาในอนาคต....(กดอ่านอ่านบทความย้อนหลัง...)

อาวุธสำคัญในการสร้างกำลังใจจากคุณยาย : สอนเรื่องความสะอาดและมีระเบียบ

หลวงพ่อได้เล่าต่อว่า....

ตลอดเวลาที่สร้างวัดเมื่อมีอุปสรรค แต่กลับมองว่าไม่เป็นอุปสรรค เอาเป้าหมายเป็นหลักอุปสรรคต้องไม่มี  
อุปสรรคที่ใครมองว่ามีกลับมองว่ามันเป็นการให้กำลังใจให้เราพัฒนาตัวเองให้มันยิ่งขึ้นไป เรามองกันอย่างนี้

ยิ่งกว่านั้นคุณยายอาจารย์ของเรา ซึ่งเท่าที่เรารู้ ท่านอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้
แต่ว่าให้กำลังใจอย่างเด็ดขาดเลย บอกว่า กำลังใจจะเกิดอย่างต่อเนื่องยิ่งใหญ่ไม่รู้จักหยุด ใครก็หยุดไม่ได้
คือไม่ว่าหยิบไม่ว่าทำอะไร จำเอาไว้ ขอให้ทำสิ่งนั้นให้สะอาดและมีระเบียบ
สะอาดและระเบียบจะให้กำลังใจ และจะเป็นอาวุธสำคัญในการทำลายอุปสรรคทั้งหลายให้มลายหายไป

ยายให้อย่างนี้ จะหยิบจะทำอะไรขึ้นมา จำเอาไว้นะทุกคนว่า สะอาดกับระเบียบเท่านั้นที่จะทำให้ฝ่าฟันทุกสิ่งทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี นี่เป็นวิธีให้กำลังใจของยาย แล้วเราก็ใช้คำสอนสร้างกำลังใจให้กับตัวเองอย่างนี้ เพราะสะอาดและมีระเบียบทำให้ใจของเรานะไม่วอกแวก มีเป้าหมายและชัดเด่นเหมือนปักธงชัยไว้ มองเมื่อไหร่ก็เห็นธงที่ปักเอาไว้ชัด ว่า ต้องได้ที่ตรงนี้เป็นที่สำหรับฟังเทศน์จำนวนคนเป็นแสน ๆ มีที่ประกอบพิธีกรรมให้กับคนเป็นจำนวนล้าน เป็นแหล่งเพิ่มพูนเพราะบ่มกำลังใจให้กับคนทั่วโลก ให้มาร่วมกันสร้างบารมีไปในภายภาคหน้า

จะทำอะไรไม่สะอาดไม่เป็นระเบียบ กองทิ้ง กินก็กินทิ้งกินขว้าง ข้าวของก็ใช้ทิ้งใช้ขว้าง ถ้าอย่างนั้น ไม่ว่าหยิบอะไรตรงไหน ก็กลายเป็นสร้างกองขยะ มีแต่ความสิ้นเปลือง จะมีแต่ความเหนื่อย ก็มีแต่ทอนกำลังใจ เป้าตั้งเอาไว้เท่าไรเดี๋ยวขยะก็ท่วมบังมิดหมด ครูไม่ใหญ่ของเราก็เสริมเข้าให้ว่า ตั้งเป้าแล้วมันก็ต้องเข้าเป้า ตั้งเป้าไว้ ทำไมถึงตั้ง เพราะว่ามองเห็นแล้วเป็นประโยชน์จริง วันนี้ก็อยากจะชี้ให้ดู ตั้งเป้าเพื่อความสำเร็จของทุกอย่าง 

การสร้างกำลังใจไปสู่ความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง : มรรคมีองค์ 8

1. ต้องตั้งเป้าไว้ก่อน เป้านั้นไม่ใช่เป้าลอยๆ ต้องเป้าจากผู้รู้จริง เป็นเป้าของผู้รู้จริง ผู้รู้จริงคือใคร พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทุกคนเกิดมาสร้างบุญสร้างบารมีปราบกิเลสปราบมารให้สิ้นเชื้อไม่เหลือเศษ ตั้งเพื่ออะไร แล้วความสำเร็จอยู่ที่ไหน ตรงพระนิพพาน ที่เห็นชัดๆพื้นมนุษย์ก็มองเข้าไปข้างในไม่มีกิเลสเหลือ สุดท้ายก็ไปนิพพานกัน ท่านตั้งเป้าให้ ผ่านมา 2,000 กว่าปี คำสอนนี้มีอยู่ แต่ผู้ที่มองเป้าคำสอนชักไม่ชัด มองว่าจะมาถึงเป้าอย่างไร มองไม่ชัดแล้ว หลวงปู่บอกเลย หยุดคือตัวสำเร็จ สำเร็จตรงไหน ก็สำเร็จไปถึงเป้าที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงให้ไว้ หยุดไม่ให้ใจฟุ้งซ่านไปไหน หยุดเอาไว้ที่ศูนย์กลางกาย เดี๋ยวไปถึงเป้าที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงให้ไว้ ทรงให้ไว้ว่าไง นิพพานัง ปะระมัง สุขัง นิพพานัง ปะระมัง สุขัง นิพพานเท่านั้นที่จะหมดกิเลส นิพพานคือสถานที่ที่พระธรรมกายพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านประทับรวมกัน การที่ได้ถึงเป้านั้นได้ต้องปฏิบัติมรรคมีองค์ 8 พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงให้ไว้ แล้วปฏิบัติตนกระทั่งยังไงถึงไหนจะรู้ยังไง ชาวบ้านที่ไม่ได้เรียนก็ไตรปิฎกก็ต้องให้เขาเข้าใจด้วย ชาวบ้านร้านตลาดไม่ได้เรียนตำรับตำราไม่ได้เรียนไตรปิฎก ต้องทำมาหากินก็ต้องพูดให้เขาเข้าใจ   เด็กหัวจุกก็ต้องให้เข้าใจได้ในระดับหนึ่งด้วย  ท่านก็ให้โอกาสปฏิบัติมรรคมีองค์ 8

ทำง่ายๆโดยการเอาใจไปหยุดเอาไว้ที่กลางกาย 

หยุดได้เมื่อไหร่ มรรคมีองค์ 8 ก็สมบูรณ์ กำลังใจก็จะเพิ่มพูนไม่มีที่สิ้นสุด

เมื่อมาถึงคุณยาย ก็รู้ ว่าการจะให้ใจหยุด ก็จะมีกำลังใจกันสุดๆ เอาอย่างไร
กำลังบุญของเรายุคนี้ย่อนกว่ายุคของหลวงปู่ ยายก็เลยให้แนวทางเอาไว้ ทำอะไรล่ะ ก็ให้ทำสะอาดระเบียบ แล้วใจถึงจะหยุดที่ศูนย์กลางกายฐานที่ 7 ถ้าไม่สะอาดไม่ระเบียบ ก็เป็นขยะ หยิบอะไรของดีๆ เสื้อผ้าดีๆ เขาพับไว้เรียบร้อย ลองสลัดออกพับใหม่ พับไม่เรียบร้อย โยนโคมๆ ไปไม่กี่ตัว ก็เป็นกองขยะเกิดทันที เสื่อที่เรานั่ง อาสนะที่เรานั่ง ไม่ม้วนไม่เก็บให้เป็นระเบียบ โยนโคมลงไปแล้วได้ขยะกองโตทันที ข้าวปลาอาหารที่เตรียมไว้อย่างดีอยู่ในอยู่ในถ้วยจานชาม ถ้าถ้วยจานช้อนชามเรียงไว้ไม่ดี เดี๋ยวจะกองขยะกองเบ่อเร่อ เพราะฉะนั้นสะอาดและระเบียบ กำลังใจก็เกิด ถ้ามีขยะก็จะบังเป้า บังความสำเร็จ ก็จะไม่มี ผ่านได้ฉลุยเลย เราทำกันอย่างนี้มา 


วันนี้ก็ขอฝากเอาพวกเราไว้ วันนี้ตังค์นะไม่มีหรอกแต่มีเป้าชัด แล้วอย่างไร อย่าไปรองบประมาณที่ไหน งบประมาณอยู่ที่ใจ งบประมาณอยู่ที่ใจ ใจอะไร ใจที่เป็นบุญใจเป็นบุญ แล้วเป็นยังไงต้องเอาไปหยุดนิ่งอยู่ที่ศูนย์กลางกายให้ได้ เอาไปไว้ตรงนั้นได้ แต่มันจะไม่อยู่ถ้าสะอาดและระเบียบไม่พอ แล้วเดี๋ยวมันวิ่งหนีออกไป ทำอะไรแล้วให้สะอาดกับระเบียบ แต่สะอาดภายนอกก็ต้องให้สะอาดถึงภายใน ระเบียบภายนอกเท่าไหร่ ระเบียบนั้นทะลุเข้าถึงภายในด้วย ไม่ใช่สะอาดแต่ข้างนอก แล้วทะลุไปไม่ถึงข้างใน ระเบียบข้างนอก แต่ไม่ทะลุเข้าไประเบียบด้วย อันนั้นไม่ได้ 

เหมือนอะไร เรามาประชุมพร้อมกันที่สภาธรรมกายสากล เวลาเราทำบุญกัน ทุกตารางนิ้วในสภาธรรมกายของเรากว้าง 400 เมตร * 600 เมตร เราจะทำสะอาดเรียบปืดเลย ทำไว้สะอาดแล้วเราก็ปูเสื่อกัน เป็นระเบียบแล้วเราก็มานั่งกันเรียบร้อย นี่สะอาดข้างนอกก่อน แล้วก็ระเบียบข้างนอก แต่พอนั่งลงไปปุ๊บ พอนั่งปุ๊บเท่านั้นแหละ ถึงแม้นั่งกันแต่เนื่องเป็นระเบียบไม่มีใครเบียดใคร นั่งเป็นแถวตรง ข้างในเลยถูกจัดระเบียบไปด้วย คือพอจะทรุดองค์ลงนั่งเท่านั้น ก็ต้องเลี้ยวซ้ายแลขวา ปรับท่านั่งให้ดี ถ้าชิดไปทางซ้ายเดี๋ยวไอตัวจะไปร้อนคนข้างซ้าย ถ้าชิดไปทางขวาเดี๋ยวไอตัวจะไปร้อนคนข้างขวา เขาร้อนเราร้อนเขาเดี๋ยวใจเราก็ร้อนไปด้วย เขาก็ร้อนไปด้วย ตกลงสะอาดระเบียบภายนอกก่อให้เกิดความระวังทำให้ลงนั่งทำสมาธิ ก็จัดระเบียบใจทำความสะอาดใจไปได้โดยง่ายอย่างนี้  

ไม่มีวัดไหนในประเทศ จะว่าไปในโลกด้วย ที่คนมานั่งพร้อมๆกันเป็นแสน ๆ มานั่งทำสมาธิพร้อม ๆ กัน แล้วทำได้ตามที่พระสัมมาที่บันทึกไว้ในพระไตรปิฎกว่า

แม้เสียงกระแอมกระไอสักนิดก็ไม่มี ต่างคนต่างนั่งทำสมาธิ  

หลวงพ่อครูไม่ใหญ่ก็สอนวิธีฟังเทศน์ให้เรา ที่ไม่มีในที่อื่นๆให้เห็นได้ง่ายนัก
เป็นอย่างไร เทศน์ของท่านแต่ละครั้ง ท่านก็หลับตาเทศน์ พวกเราทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ก็นั่งหลับตาทำสมาธิไปด้วยฟังไปด้วย เราจึงได้เข้าใจ เข้าใจละว่าทำไม เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เทศน์ให้พระปัญจวัคคีย์พระธรรมจักรกัปปวัตนสูตร เทศน์จบมีท่านโกณฑัญญะบรรลุธรรมทันที จะไม่บรรลุทำยังไงเล่า ก็ผู้เทศน์คือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อเริ่มเทศน์นั่งหลับตา เพราะเจาะลึกเข้าไปอัตตกิลามถานุโยค กามสุขัลลิกานุโยคเท่านั้น เข้าถึงสัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา  สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ  สัมมาสติ สัมมาสมาธิ เข้าถึงจุดนี้เท่านั้น หลวงปู่ท่านให้นัยยะบอกว่ามาถึงตรงนี้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงหลับพระเนตรแล้ว ปัญจวัคคีย์ก็หลับตาฟัง ปล่อยใจเข้ากลางแล้ว ฟังไปก็ดิ่งเข้ากลางไป


ใจที่ทรงพลังไม่มีที่สิ้นสุด คือ การนำใจไปไว้ที่ศูนย์กลางกาย ที่ตั้งของใจ ฐานที่ 7

ถ้าพูดแนววิทยาศาสตร์ก็หลับตาปุ๊บฟังไปเอาใจไว้กลางกายเข้าแนวแรงดึงดูดของโลก แรงโน้มถ่วงของโลกดึงมนุษย์ให้ไม่ตกโลกได้อย่างไร ก็โน้มถ่วงใจให้มาไว้ที่ศูนย์กลางกาย ทำให้กายเบาใจเบา แล้วก็อย่างที่พวกเราเจอกันในยุคนี้ เราบารมีไม่ถึงท่านโกณฑัญญะหรอก แต่พวกเราก็มีจำนวนน้อยอยู่เมื่อไหร่ล่ะ ฟังเทศน์แต่ละครั้ง หลับตาฟังไป ทีแรกก็มืดๆแล้ว พักเดียวสว่างเข้ามาข้างใน ถ้าวางใจได้ทุกส่วนปฐมมรรคเกิดเลย บางคนถูกส่วนเข้า พระธรรมกายเกิด หรือพระธรรมกายยังไม่เกิด องค์พระที่ตั้งไว้เป็นนิมิตรก็เกิดขึ้นแล้ว ทำอะไรถ้าถูกแบบถูกแผน  แบบแผนอยู่ไหน แบบแผนตรงกันทั้งทางโลกและทางธรรม แบบแผนทางโลกก่อน  ถ้าดึงดูดมนุษย์ไม่ให้ตกโลกอยู่ตรงศูนย์กลางกาย แบบแผนทางธรรมก็ศูนย์กลางกายเหนือสะดือ 2 นิ้ว เป็นที่ตั้งของใจ แบบแผนมีอยู่แล้ว หลวงปู่ชี้ให้แล้ว ทำตามนั้น เพราะฉะนั้นพอจัดระเบียบทำความสะอาดข้างนอกเรียบร้อย ข้างในก็ถูกจัดระเบียบให้สะอาดตามไปด้วย แล้วกายก็เบาใจก็เบาโดยอัตโนมัติ กายยิ่งเบาใจยิ่งเบาเท่าไร จำไว้ กำลังใจก็เลยยิ่งเพิ่ม มันอยู่ตรงนี้ เพราะหลักวิทยาศาสตร์ให้เอาไว้แล้ว แรงโน้มถ่วงใดๆก็เท่ากับศูนย์เมื่อเอาใจไปไว้ในศูนย์กลางกายของศูนย์กลางของวัตถุนั้น ไม่มีอะไรมถ่วงมาเหนี่ยวมารั้งแล้ว 

เพราะฉะนั้นมาเอาใจไปไว้ที่ศูนย์กลางกาย ใจย่อมทรงพลังไม่มีที่สิ้นสุด จะเขย่าโลกทั้งโลก มนุษย์ก็เขย่าได้ ถ้านิ่งจริงๆ เพราะฉะนั้นพระโมคคัลลานะ ท่านทำให้พระอินทร์ดู ใจจดศูนย์กลางของท่านแล้วก็เอาหัวแม่เท้า เขี่ยวิมารปราสาทของพระอินทร์ สะกิดนิดเดียววิมานเป็นพันเป็นหมื่นโยชน์ ก็โครงเครง ๆ หัวแม่เท้าของพระโมคคัลลานะท่านทำอย่างนั้น

ใจที่ทรงพลังทำอะไรก็ได้ เพราะฉะนั้นอุปสรรคไม่มี ขอให้เอาใจไว้ที่ศูนย์กลางกายให้สนิทจริงๆ มั่นฝึกเข้าไป วันนี้ไม่ได้ พรุ่งนี้คงต้องได้  พรุ่งนี้ไม่ได้ สัปดาห์หน้าได้ ก็ไม่ช้า สัปดาห์หน้าไม่ได้  เดือนหน้าได้ก็ไม่ช้า เดือนหน้าไม่ได้ ปีหน้าได้ก็ไม่ช้า ปีหน้าไม่ได้อีก 10 ปีได้ก็ไม่ช้า แม้ไปได้ในวันตอนเฮือกสุดท้ายจะลาโลกก็ยังไม่ช้า ทำไปเหอะ แต่ว่าถ้าไม่ทำอีกกี่ชาติมันก็ไม่ได้


หลวงพ่อเล่าให้ฟังว่า  ท่านเคยถามคุณยาย ว่า...

"ยายเราชาตินี้อย่างไร ๆ เราก็ยังปราบกิเลสไม่หมดหรอก ปราบมารมันก็ไม่หมด   แล้วอย่างไร ๆ เราก็ตาย เราจะต้องไปทำมันทำไม"

ยายก็ตอบดี "ต้องทำตั้งแต่ชาตินี้ กิเลสไม่หมดไปมันก็ร่อยหรอไปตั้งเยอะ มารยังไม่หมดไป มันก็ผวาเราไปตั้งเยอะ แล้วเราตายวันนี้เพื่อวันข้างหน้าจะไม่ต้องตาย ที่จะตาย คือเรื่องของมารไม่ใช่เรื่องของเรา"

เพราะฉะนั้นเอาใจไปไว้ที่ศูนย์กลางกายให้ใจหยุดใจนิ่ง ไม่ค่อยยอมหยุดยอมง่ายๆหรอก เพราะเราก็ปล่อยให้ใจเรามันตะลอน ๆ มาตั้งแต่ออกจากท้องแม่แล้ว ก็ปล่อยตะลอนตะลอนเที่ยวไปเรื่อยแล้ว แล้วจะเอากลับมาให้มันอยู่นิ่งให้มันหยุดได้อย่างใจ ถ้าได้อย่างนั้นง่ายๆแล้วก็นะ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราคงกวาดเอาคนหมดโลกตั้งแต่ยุคโน้นแล้ว พวกเราคงไม่ได้มาเกิดในยุคนี้ พระองค์ท่านกวาดมองไปหมด แต่ว่าก็รู้ว่าไม่ง่าย แต่ก็ทิ้งเอาไว้ให้ จะใช้คำว่าทิ้งเลย มอบมหาสมบัติอันประเสริฐไว้ให้ อยู่ที่ไหนอยู่ในมรรคมีองค์ 8 บทสรุปอยู่ตรงไหน สรุปอยู่ที่ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ อยู่ที่นั้น ก็สวดได้ตั้งเยอะแล้ว ทำไมไม่หยุดสักที สวดไปก็เอาใจไว้ที่ศูนย์กลางกายด้วย 

เหมือนท่านโกณฑัญญะฟังเทศน์ไปก็ใจที่ศูนย์กลางกายด้วย แล้วท่านทำปุ๊บก็ได้ปั๊บ ก็ใช่น่ะสิ ก็ท่านตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้าออกบวชมาตามมาตั้งแต่ 6 ปี อดตาหลับขับตานอนมาด้วยกัน ปฏิบัติตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามา 6 ปี เพียงแต่ว่าเข้าใจผิดนิดเดียวคิดว่าต้องทรมานเท่านั้นจึงจะสำเร็จ พระองค์บอกไม่ใช่ ก็ไม่เชื่อ ดื้อซะอีก ในที่สุดมาพบพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ทรงให้เหตุผลชัดเจนด้วย ธรรมจักรท่านทำตาม แล้วก็สำเร็จกันต่อหน้าต่อตา เพราะฉะนั้นพระธรรมจักรกัปปวัตนสูตรท่องเสีย คำแปลหาได้ไม่ยากหรอก ทำได้ไม่ยากหรอก กด YouTube เดี๋ยวก็ได้คำแปลแล้ว ไปกดเอามา แต่ว่าการอธิบายขยายความแล้ว โน้นไปอ่านคำเทศน์ของหลวงปู่ที่บันทึกเอาไว้โน้นก็ได้ ที่เทศน์ของหลวงพ่อคุณยาย ที่คุณยายขยายเอาไว้ให้ก็ได้ มีอยู่แล้ว องค์นี้ก็ขยายไปบ้างให้แล้วแหละ ไปอ่านดู แล้วก็มั่นทำใจหยุดใจนิ่งที่ศูนย์กลางกาย ทำมันไป แต่ทำแล้วมันก็ไม่อยากหยุดหรอก หยุดเดี๋ยวมันก็หนีออกไปอีก ก็ต้องบอกว่า

1. ชั่วโมงบินยังไม่พอ ก็ต้องทำต่อไป
2. สะอาดกับระเบียบอย่างที่ยายเตือนไว้ ยังดีไม่พอ

วิธีทำใจให้ทรงพลังตลอดเวลา : บุญเกิดขึ้นตลอดเวลา

เพราะฉะนั้นสะอาดระเบียบให้ทำอีกต่อไป และสะอาดระเบียบครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อให้ใจหยุดใจนิ่งเท่านั้น สะอาดระเบียบนี้ เดี๋ยวนี้ก็ต้องเอามาใช้ทั่วโลกเลย เอามาใช้ทำไม ก็เอามาใช้สู้โควิคอย่างไรล่ะ  โควิด ถ้าสะอาดระเบียบสู้ได้ วัคซีนมีไม่มีก็สู้ได้ ก็ตำราเล่มเดียวกัน แต่ว่าไม่รู้จักใช้ เพราะฉะนั้น สะอาดระเบียบเราก็ประคับประคอง ทำอย่างไร ก็ไปเปิดเทปของครูไม่ใหญ่ฟัง เปิดเทปของหลวงปู่ก็ได้ แต่ตอนนี้เทปของหลวงปู่ เมื่อก่อนนะอัดเทปเทปยืดหมดก็ทำ Copy ไว้ทีหลังก็เหลือแค่แทปเดียวมั้ง ก็เอาละ ไปเปิดฟัง ฟังว่าไง ไม่ว่ายืน ไม่ว่าเดิน ไม่ว่านั่ง ไม่ว่านอน จะอาบน้ำ จะล้างหน้า จะซักเสื้อซักผ้า จะแปรงฟัน ก็เอาใจกำหนดใจเอาไว้ที่กลางกาย จะอยู่บ้างไม่อยู่บ้างก็ช่างมัน ก็ทำมันไป ให้ใจมันเชื่อง ให้ได้เคี้ยวข้าวก็เคี้ยวไป ก็เอาใจเอาไว้ที่กลางกาย ข้าวทุกคำก็ให้มันกลายเป็นปฐมมรรค ข้าวทุกคำกลายเป็นดวง ข้าวทุกคำกลายเป็นองค์พระมั่ง ก็ทำไป ใจมันก็จะเชื่องไปเอง แถมก็บอกว่าแม้แต่นั่งอึนั่งฉี่ไปฉี่ก็ฉี่ไป ก็เอาใจหยุดใจนิ่งไว้ที่ศูนย์กลางกายท่านก็เตือนด้วย ไม่บาปหรอก

เพราะเอาใจไปไว้ศูนย์กลางกายเข้าศูนย์บุญแล้วมันจะบาปยังไง เอามาเตือนเอาไว้ว่า กำลังใจนะไม่ต้องไปขอใครนะลูกนะ กำลังใจมีแต่จะให้พรรคพวก ให้ชาวโลกเขา เพราะเรารู้จักวิธีผลิต ผลิตกันตั้งเยอะแล้ว เคล็ดลับอย่างไร ก็สะอาดกับระเบียบ ผลิตข้างใน จะยืน เดิน นั่ง นอนหลับ ตื่น ยืน เดิน นั่ง นอน ก็เอาไว้ที่ศูนย์กลางกาย ก็ได้ วิธีผลิตกำลังใจให้ตัวเองมาแล้วยังเหลือเฟือ

ถ้าพวกเราชาววัดพระธรรมกาย จะเป็นพระ จะเป็นเณร เป็นอุบาสก อุบาสิกา จะอยู่บ้าน อยู่ในประเทศไทย อยู่นอกประเทศ อยู่นอกทวีป อยู่ที่ไหน ถ้าได้เอาใจมาจดไว้ที่ศูนย์กลาง กำลังใจจะถูกผลิตขึ้นมาโดยอัตโนมัติ พร้อมกับกำลังใจที่เกิด ก็รู้ไว้ด้วย บุญก็เกิดมาพร้อมพร้อมกันด้วย

ตรงนี้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเอาไว้เอง อาตาปีสัมปชาโนสติมา
อาตาปี ทำซ้ำๆทำสม่ำเสมอ
สัมปทานโน ทำไปก็สังเกตไปด้วย
สติมาก็เอาใจมาไว้ที่ศูนย์กลางกาย
อาตาปีสัมปชาโนสติมา แล้วจะอย่างไร
กายในกายก็จะเห็น ใจในใจก็จะเห็น กายเวทนาจิตธรรม กายในกายก็จะเห็น ใจตัวเองก็จะเห็น
แล้วอย่างไร ที่พูด ๆ ไม่มีใครเห็นใจเรา แล้วเราเห็นใจตนเองแล้วหรือยัง ก็ยังเลยแล้ว
จะเห็นได้ไหม ได้ ทำยังไง ก็มั่นเก็บใจไว้ที่กลางกาย เก็บใจเบาๆสบาย ๆ ทำใจหยุดนิ่งอยู่ที่ศูนย์กลางกาย

1 บุญก็เกิด
2 กำลังใจเกิดก็ทันที ไม่ต้องรอ

และ 3 ฝากอีกนิดนึงจะได้มองออกชัดๆ เขาวัดมาถึงตอนนี้แล้ว นอกจากบุญเกิด นอกจากกำลังใจเกิด อะไรเกิดอีก "ความเคย" ได้เกิดขึ้นแล้ว 


โรงงานผลิตบุญเคลื่อนที่ได้ : กำลังใจที่ต้องสร้างเอง

ก็เมื่อก่อนไม่เคยน่ะ วันนี้ทำครั้งแรกก็เป็นความเคยครั้งที่ 1 วันนี้ทำเป็นครั้งที่ 2 ข้อความเคยเกิดแล้วเป็นครั้งที่ 2 พอเคย ๆ ๆ ๆ หนักเข้ามันก็คุ้น พอคุ้น ๆ หนักเข้า มันก็ชิน
พอ เคย คุ้น ชิน เข้า ตรงศูนย์กลางกายของเรา ใจของเรากลายเป็นเหมือนอย่างกับแบตเตอรี่เก็บไฟฟ้าได้ แต่ว่านี้เก็บบุญ สต๊อกบุญได้ บุญสต๊อกเอาไว้กลายเป็นบารมี เคยคุ้นชินแต่เรื่องดีๆ อย่างนี้ไม่ช้า ชินอย่างนี้เนื่องจากไม่มีอะไรมาต้าน เพราะฉะนั้นเลยกระชุ่มกระชวย มันมีกำลัง
เคย คุ้น ชิน กระชุ่มกระชวยแล้ว ก็เลยทรงพลัง ตรงนี้แหละ ที่มันซ้อนกันขึ้นมา
เคย คุ้น ชิน หนักเข้านะ ๆเลยกลายเป็นนิสัย
นิสัยอะไร นิสัยรักเก็บใจเอาไว้ในตัว นิสัยรักความสะอาดและความเป็นระเบียบ
นิสัยอะไร นิสัยไม่ชอบวุ่นวายไปทำความเดือดร้อนให้ใคร
นิสัยอะไร นิสัยนักผลิตบุญผลิตบารมี

ก็จะไปอย่างนี้ ทำตามที่หลวงปู่บอกเอาไว้ ทำตามที่คุณยายก็พร่ำสอนเอาไว้ ทำตามที่คุณครูไม่ใหญ่ก็พร่ำบ่นพร่ำสอนไว้
กำลังใจอย่างมหาศาลเกิด บุญอย่างมหาศาลเกิด นิสัยนักสร้างบารมีก็จะทับทวียิ่งๆขึ้นไป ก็เกิดขึ้นมาอย่างนี้
ไม่ใช่อยู่ดีๆ บุญบารมี กำลังใจไม่ได้อยู่ดีๆ ก็ตกลงมาจากท้องฟ้ายังกับฝนเมื่อไหร่ เราต้องทำขึ้นมา
ถ้าเราทำอย่างนี้แล้วจึงจะเข้าใจว่า ว่าอะไร ไปอยู่ที่ตรงไหนก็ตาม พระสัมมาสัมพุทธเจ้าและเหล่าพระอรหันต์ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จไปถึงไหนก็ดับร้อนทำให้เย็นถึงนั้น
ทำไมล่ะ พระองค์ก็ตามพระอรหันต์ก็ตาม เสด็จไปยืนตรงไหนก็กลายเป็น ไม่ใช่โรงไฟฟ้านะ กลายเป็นโรงงานผลิตบุญขึ้นมาอยู่ตรงนั้น

สำหรับใจของเรา หยุดบ้าง หนีบ้าง รู้ตัวว่าหนีเมื่อไร ก็รีบตะปบกลับมา ทำไป ยังไม่ได้เป็นโรงงาน ไม่ได้เป็นโรงงานใหญ่สำหรับผลิตบุญเลี้ยงโลก แต่อย่างน้อยขั้นต้นเดี๋ยวก็ได้เป็นโรงงานผลิตบุญเลี้ยงใจตัวเอง เป็นโรงงานผลิตบุญเลี้ยงครอบครัว เป็นโรงงานผลิตบุญที่สามารถเคลื่อนที่ได้ จะไปอยู่บ้านไหนบ้านนั้นก็มีกำลังใจ จะไปอยู่วัดไหน วัดนั้นก็มีก็เป็นวัดที่มีกำลังใจกันทั้งวัด จะไปอยู่หมู่บ้านไหน ตำบลไหน จังหวัดไหน หมู่บ้านนั้น ตำบลนั้น อำเภอ จังหวัดนั้น ก็มีคนมีกำลังใจที่จะทำความดีตามเรา ข้างนอกได้เราเป็นต้นแบบ แต่ข้างในนั้นได้กำลังใจจากบุญของเรา ต้องหอบหิ้วกันไปอย่างนี้ เราก็เชียร์ ๆ ชม ๆให้เขาทำกับเรา แล้วเราก็เลยจะได้ change บุญเกิดขึ้น  



เมื่อ change บุญเกิดขึ้น เอาchange Zoom เกิดขึ้น เอาchangeเครือข่ายคนดีให้มันเกิดขึ้น ทำกันอย่างนี้ อย่างนี้แหละ แม้แต่เขายังปุ๊บปั๊บจะให้มานั่งสมาธิกับเราด้วยยังไม่เอา
changeอะไร change สวดธรรมจักรไปก่อนก็ได้ changeอะไร หยอดกระปุกเตรียมเอาไว้ทอดกฐิน จะทอดกฐินวัดพระธรรมกาย ทอดกฐินวัดไหนในประเทศไทย นอกประเทศไทย ก็คือ change บุญทั้งนั้น ถ้าอย่างนี้ บ้านเรานี่แหละเติมบุญให้กับคน เติมบุญเฉลี่ยให้กับคนทั้งโลก

การที่โรคภัยไข้เจ็บมันระบาดอยู่ตอนนี้ ฟ้องอะไร ฟ้องว่าบุญบาปของมนุษย์ในโลกนี้เฉลี่ยรวมกันแล้วทั้งโลก บาปท่วมปรี่มาจะพอๆกับบุญแล้ว หากเท่ากับบุญเท่านั้นแหละสงครามโลกระเบิดแล้ว นี่แค่โควิด นี่มันไล่มาอย่างนี้แล้ว แล้วเราทำอย่างไรต่อไป ก็ต้องเติมบุญ มากเข้า ๆ บาปน้อยลง โควิดก็ลดลง เพราะเติมบุญอย่างนี้ ใจสะอาด พอใจสะอาด ความคิดสกปรก คิดผิดรูปผิดทางผิดระเบียบผิดศีลมันก็ไม่เกิด เพราะฉะนั้นข้างนอกก็ไม่กระทบกัน ข้างนอกไม่กระทบกันสะอาดระเบียบก็ตามกันมา เดี๋ยวก็หันหน้ามาปรองดอง ก็เคียงบ่าเคียงไหล่มาสวดมนต์ จะมาสวดธรรมจักร จะมานั่งสมาธิตามปกติ ก็มาช่วยกันทำอย่างนี้ นี่ละวิธีแก้ไขโรค เขาแก้อย่างนี้ แก้ไขฟื้นฟูโลกทำอย่างนี้

แก้ไขฟื้นฟูโลกต้องเติมบุญลงไปเยอะๆ ไม่ใช่เติมบาป เติมบุญเข้าไป ใครผิดก็อธิบายก็ว่ากันไปว่า ทำไมมันผิด ว่ากันด้วยเหตุผล
แต่ถ้าด่ากันเมื่อไหร่ ไอ้นั่นเติมบาป ไม่ด่า แต่ว่ากันด้วยเหตุด้วยผล พูดไปแล้วแต่ได้ผลเขายังฟังไม่รู้เรื่อง ไม่รู้เรื่องเราก็ต้องทน ถ้าไม่ทนไปโกรธมัน อ้าวเราเติมบาปเอง แล้วกัน จะไปทนกันไหวก็ทนดูแล้วก็บอกแล้วไงล่ะ ตั้งใจสร้างวัดพระธรรมกายไม่ได้ไปเอาเงินเขามาสักสลึงนึง มันยังเดินขบวนมาด่าเลย ไม่ได้โกรธ ไม่ได้เกลียด แต่มองว่า หูของเขายังดีไม่พอ ใจของเขายังสะอาดไม่พอ ยังไม่เหมาะที่จะฟังคำของเรา หรือคำของเราก็ยังกลั่นไม่พอ ก็ต้องทำกันต่อไปจนกว่าจะเข้าใจกัน  ไม่ได้อย่างนี้แล้ว แต่เขายังไม่เข้าใจก็ไม่ต้องไปด่า สวดธรรมจักรให้เขาฟังสวดธรรมจักรมีฤทธิ์ขนาดไหนเราเคยสวดธรรมจักรให้เขาเท่าไหร่ เขาก็ยังถ้ายังช่วยสวดด้วยเลย เราก็ทำกันมาแล้วฤทธิ์ธรรมจักรทำให้ใจคนกลับไปสู่ศูนย์กลางกาย เลยมาได้นั่งช่วยกันสวดด้วยมันก็ดีเหมือนกันนะ แต่ไม่ต้องกลับมาอีกนะ ช่วยกันทำอย่างนี้แล้วเราจะมีกำลังใจเดินหน้าต่อไป

 ศึกษาวิชาแพทย์ใน "ในคิริมานนทสูตร ในธาตุวิภังค์"

ส่วนว่า ตอนนี้กระทบเศรษฐกิจกันทั้งบ้านทั้งเมือง แต่ก็อยากจะฝากนิดนึง การกระทบเศรษฐกิจทั้งบ้านทั้งเมือง ไม่ใช่หลวงพ่อไม่เคยเจอ หลวงพ่อเคยเจอ หลวงพ่อเกิดวันที่ 21 ธันวาคม นี้ใกล้จะมาถึงแล้ว  หลวงพ่อเกิด 21 ธันวาคม 2483 และปี พ.ศ 2484 สงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ระเบิด โครม เข้ามาถึงเมืองไทย

หลวงพ่อมีบ้านมีสวนของตัวเอง มีไร่มีสวนของตัวเอง ทุกอย่างมีพร้อม บ้านเราตระกูลเราไม่ได้รวยหรอกแต่ว่าไม่เคยมีใครมาทวงหนี้ที่บ้าน แต่ว่าอยู่ดีๆทหารญี่ปุ่นมาไล่เราออกไปจากบ้าน เราไม่ได้รวย ปุบปับต้องออกไปจากบ้าน ต้องไปเช่าบ้านในตัวเมืองอยู่ สมัยโน้นบ้านเช่าไม่ค่อยมีหรอก ก็เลยไปได้บ้านเช่าพิเศษอยู่ติดกับแดนสลัม แดนสลัมก็แดนสลัม แดนสลัมคนก็เท่ากับคน เพราะกว่าจะเกิดมาเป็นคนได้ไม่ว่าจะเกิดอีกตอนไหน น้อยนะกว่าจะได้เกิดเป็นคน อย่าให้พลาดกลับไปเป็นเต่าตาบอดอยู่ในมหาสมุทรอีกนะ แล้วต้องทำยังไง ก็บ้านเช่าหลังเล็กๆ ข้างหลังบ้านมีที่อยู่อาศัยนอนที่พอว่างหน่อย 5 ตารางวา ก็ประมาณนั้นไม่ถึง 10 ตารางวามั้ง เอาละไม่เกิน 10 ตารางวาก็ต้องช่วยตัวเอง ตั้งแต่อะไร แต่พูดภาษาโบราณ ตั้งแต่ยังเดินแก้ผ้า ก็ต้องช่วยพ่อแม่หากินแล้ว ทำไม ทำยังไง โยมพ่อเตรียมไว้ ให้กระทะแตก กะละมังรั่ว เตรียมดินใส่เอาไว้ปลูกลงไปไม่ว่าสาระแนเราก็ปลูกมันลงไป ผักหอมผักชี แล้วก็ปลูกมันลงไป พริกมั่ง กระเพรามั่ง โหรพามั่ง มะเขือมั่ง ปลูกเต็มกะละมังเลย แล้วไง ตื่นเช้า โยมพ่อเข้ามาบอก ลูกเอ้ยไปล้างหน้าตาที่กะละมัง  กะละมังไหนก็ล้างเถอะ กินข้าวเช้าเสร็จปุ๊บล้างชามล้างจาน ลูกเอ๊ยน้ำล้างชามล้างจาน เอาไปราดเทใส่กะละมัง ก็เลยมีผักให้กิน 

ตั้งแต่วิ่งแก้ผ้า หลวงพ่อก็ยังช่วยพ่อช่วยแม่ทำมาหากินแล้ว แล้วก็ผ่านมาได้ มานั่งพูดอยู่นี่แหละ รอดมาได้ปีนี้จะครบ 81 บริบูรณ์อีกไม่กี่วันแล้ว ยังไม่รีบตาย ยังเป็นเพื่อนสร้างบุญสร้างบารมีกับพวกเราต่อไป ต่อสู้กันมาอย่างนี้ ไม่ใช่ดีแต่พูดจะไปเชียร์คนอื่นให้สู้ ให้สู้มาตั้งแต่เป็นเด็ก ๆ วิ่งแก้ผ้าต่อสู้มาอย่างนี้ ฝากพวกเรา และโควิดไม่เท่าไหร่หรอกเดี๋ยวมันก็ต้องหมดไปอย่าไปท้อกับมัน เราก็อยากจะฝากเอาไว้วิชาการแพทย์ ไม่ใช่แผนโบราณ วิชาการแพทย์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าบอกว่าเป็นแพทย์แผนโบราณ ยาแผนโบราณกับแผนปัจจุบัน แผนโน้นแผนนี่ก็จะมาตีกัน เอาวิชาการแพทย์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาใช้ พระองค์บอกว่ายังไง ไปดูได้ ในคิริมานนทสูตรก็มี ในธาตุวิภังค์ก็มี

วิธีทำให้สุขภาพแข็งแรง : ธาตุ4 และ วิญญาณธาตุ

ในพระไตรปิฎกว่าไงเหรอ ธาตุในตัวของเรายังไม่บริสุทธิ์ ธาตุดินน้ำลมไฟอากาศธาตุในตัวของเรามันไม่บริสุทธิ์  โรคภัยไข้เจ็บมันถึงได้รบกวนเอาได้ ทำไมไม่บริสุทธิ์ เพราะวิญญาณธาตุไม่บริสุทธิ์ ธาตุดินน้ำลมไฟธาตุอากาศรู้จักกัน เพราะว่าเราจับต้องได้ แต่ธาตุดินน้ำลมไฟที่ประกอบเป็นกายมนุษย์เท่านี้แหละ ถูกควบคุมไว้ด้วยวิญญาณซึ่งเป็นธาตุละเอียด จะเรียกว่าใจก็ได้ วิญญาณธาตุสกปรกมากเท่าไร ธาตุ4ของเรา ก็แปรปรวนมากเท่านั้น  ธาตุ 4 แปรปรวนมากเท่าไหร่ โรคภัยไข้เจ็บภายนอกก็แทรกเข้ามาง่าย เพราะฉะนั้นต้องหมั่นเก็บใจเอาไว้ในตัว ก็ให้หยุดให้นิ่งในตัวอีกนั่นแหละ เก็บไว้ได้มากเท่าไรใจมันก็ขุ่นน้อยเท่านั้น ใจขุ่นน้อยเท่าไรธาตุในตัวมันก็จะเพิ่มขึ้นเท่านั้น เมื่อธาตุในตัวสะอาดเพิ่มขึ้นเท่าไร covid ก็ต้องชะงักไปเมื่อนั้น แล้วส่วนว่าจะหายูกหาขายยาจากข้างนอกมาเสริมเป็นวัคซีนอะไรบ้าง ก็แล้วแต่ จะไปเอาวัคซีนเขาจากเมืองไหนมาก็แล้วแต่ เป็นเรื่องของการเอาธาตุภายในธาตุภายนอกมาช่วยเสริมธาตุในการที่หย่อนไปบ้าง แต่วิญญาณธาตุหรือใจของเราต้องสะอาดเป็นหลัก

วัคซีนคืออะไร ในความหมายทางพระพุทธศาสนา

เพราะฉะนั้นมาจับหลักได้อย่างนี้ว่า แท้ที่จริงวัคซีนกับตามยูกยาต่างๆก็ตามในโลกนี้   ก็คือการเอาธาตุ4 ภายนอกที่พอเหมาะเอามาเติมให้ตัวเรา เพราะฉะนั้นฝากไว้ สมุนไพรต่างๆที่มันมีอยู่ในโลก แร่ธาตุต่างๆที่มีอยู่ในโลกมันก็ประกอบด้วยธาตุ 4 เช่นเดียวกันในตัวของเรา แต่มันอยู่ในรูปแบบที่ต่างกัน ถ้าใจของเราสะอาดดี กำลังบุญในใจของเรานี้แหละ

1. จะช่วยกลั่นธาตุ 4 ของเราให้สะอาดขึ้นมา ภูมิต้านทานจะขึ้นมาระดับหนึ่ง
2 แม้แต่ธาตุภายนอกซึ่งมีอยู่ อาจจะในพืช อาจจะในดินในน้ำ ในลมในไฟ กำลังบุญของเราพอ เดี๋ยวก็ไปเอามาใช้ได้ แล้วโรคภัยไข้เจ็บเดี๋ยวมันก็ต้องถอย ต้องแพ้เราไปจนได้ แต่เรื่องใหญ่นั้นคือต้องเพิ่มบุญให้ตัวเองเพิ่มกำลังใจให้ตัวเอง เพื่อให้ใจเราใสยิ่งขึ้นอยู่ตรงนี้ จับหลักตรงนี้ได้ เดี๋ยวเราแก้ไขได้ไม่ว่าเรื่องอะไร อย่างที่บอกไว้แต่ต้น เป้าหมายเป็นหลักอุปสรรคไม่มี ฝากไว้ชัดๆนะมาถึงวันนี้แล้ว แต่ละคนก็กลัวตายกันแล้วทั้งโลก เพราะฉะนั้นเป้าหมายวันนี้อยากจะฝากไว้กับทุกคนทั้งโลก ไม่ใช่ว่าจะเกิดมาเพื่อสร้างความยิ่งใหญ่ให้ใครเข้ากราบไหว้ทั้งบ้านทั้งเมือง ไม่ใช่มาสร้างอำนาจทางเศรษฐกิจให้เขากลัวกูเกรงกู ไม่ใช่มาสร้างอะไรๆไม่เข้าเรื่องเข้าราวทั้งนั้น

เป้าหมายที่เกิดมาของชีวิตมนุษย์เพื่ออะไร

เป้าหมายมาชาตินี้แท้ที่จริงมาสร้างบุญสร้างบารมีปราบกิเลสให้กับตัวเอง หรือเป้าหมายในชาตินี้ใจให้ใสสะอาดจนกระทั่งไล่กิเลสในใจออกไปได้ หรือเป้าหมายในชาตินี้เกิดมาเพื่อดัดสันดานตัวเองให้ดีขึ้น มองเป้าหมายอย่างนี้ให้ดี แล้วไง ถ้ายังไงก็ตั้งใจคิดสร้างบุญมันไปตั้งแต่วันนี้ ถ้าเมื่อก่อนไม่เคยสร้าง ก็คิดสร้างแต่ตอนนี้ ก่อนที่โควิตจะเอาไปตายซะก่อน ถ้า covid มันไม่เอาเราตาย เรายังอยู่ไปได้อีกนาน ก็มีโอกาสสร้างบุญต่อไปอีกนานๆ ใจของเราก็จะทรงพลังมากยิ่งขึ้น ใจของเราก็จะสะอาดยิ่งขึ้น แล้วสามารถเป็นกำลังใจให้ลูกหลานเพื่อนบ้านอีกต่อไปอีกด้วย มองกันไปอย่างนี้ ถ้าจำเป็น ถ้าเกิดจะต้องจับพลัดจับพูตายไปวันนี้ ก็ขอให้ตายไปพร้อมกับใจที่สะอาด คือไม่ต้องไปด่าใคร ตายไปพร้อมกับใจที่เป็นบุญ นึกบุญอะไรไม่ออกก็หยิบเงินเดี๋ยวนี้ใส่กระปุกเอาไว้เตรียมไว้ทอดกฐินไปก่อน ถ้าตายไปก่อน ลูกเอ้ยส่งไปงานกฐินวัดไหนให้ด้วยอย่างนี้ยังตายไปพร้อมกับบุญไม่เสียชาติเกิดแล้ว

แต่ถ้าไม่ทำอย่างนี้ ยังคิดจะรวยแล้วกูจะได้ยึดอำนาจ ยึดอะไรต่อมิอะไรของเขาเอาไว้เอง เสียชาติเกิดมาชาตินี้ นี้คือการตั้งเป้าหมายชีวิตให้เป็นจริง ๆ เป้าหมายอยู่ที่ไหน เป้าหมาย นิพพานัง ปะระมัง นิพพานัง ปะระมัง สุขัง ก็ได้ นิพพานัง ปะระมัง วะทันติ พุทธา พระท่านผู้รู้พระพุทธเจ้าทั้งหลายสรรเสริญนัก สรรเสริญพระนิพพานนักว่าเป็นเยี่ยมเลย สุขเยี่ยม บริสุทธิ์เยี่ยม นั้นเป้าหมายสูงสุดไปอยู่แถวนั้น หรือไม่งั้น ก็มีกำลังใจ ตรงนั้นขอปราบมารให้หมดสิ้นซากเป็นเพื่อนกับหลวงพ่อไปก่อน ได้ ยินดี ยินดีที่จะรับสมัครขุนพลในกองทัพธรรม ตามหลวงปู่ท่านไป ไปด้วยกัน ฝากไว้กับลูกหลานหลวงปู่ ลูกหลานคุณยายทั้งโลก วันนี้สมควรแก่เวลาให้เตือนให้นึกถึงวิธีสร้างกำลังใจวิธีสร้างบุญเพื่อตัวเอง เพื่อจุนเจือกับเพื่อนร่วมโลก ดับทุกข์ดับโศกชาวโลกไปด้วยกันผ่าน covid ไปด้วยกันเป็นอัศจรรย์ร่วมกันนับแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป ก็ขอให้มีแต่ความสุขมีความเจริญอายุวัณโณสุขังพลังโดยทั่วหน้าเนอะ  (สาธุชน กล่าวเสียง...สาธุ...พร้อมกัน)
 

ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล

16 ความคิดเห็น:

  1. มาร่วม​กิจกรรม​ดีๆนี้กันนะคะ

    ตอบลบ
  2. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  3. กราบอนุโมทนาสาธุครับ

    ตอบลบ
  4. กราบอนุโมทนาบุญเจ้าค่ะ

    ตอบลบ
  5. ใด้ความรูมากคะกราบอนุโมทนาบุญสาธุคะ

    ตอบลบ
  6. กราบพระเดชพระคุณหลวงพ่อด้วยความเคารพอย่างสูงสุด ลูกอ่านจนจบแล้วเจ้าค่ะ ปลื้มมากเจ้าค่ะคำหลวงพ่อทำให้ลูกคิดได้หลายๆอย่างที่ยังสงสัยคิดไม่ออกได้กระจ่างชัด

    ตอบลบ
  7. กราบ สาธุ ค่ะ

    ตอบลบ

welcome everyone to เล่าเรื่องตามกาลเวลา