ชีวิตนักบวชนั้นประเสริฐสุด
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ในสามัญญผลสูตรว่า
"ฆราวาสเป็นทางคับแคบ เป็นทางมาแห่งธุลี บรรพชาเป็นทางปลอดโปร่ง"
เรื่องเล่าตามกาลเวลา บทความนานาเหตุการณ์ ธรรมะร่วมสมัย ข้อคิด ชีวิต การงาน ท่องเที่ยว ความรู้ทั่วไป ทันโลก ทันเหตุการณ์
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ในสามัญญผลสูตรว่า
"ฆราวาสเป็นทางคับแคบ เป็นทางมาแห่งธุลี บรรพชาเป็นทางปลอดโปร่ง"
บุคคลที่บวชเข้ามาในพระพุทธศาสนา พระพุทธอค์ทรงตรัสบอกคุณค่าของการครองเพศสมณะในพระไตรปิฎกหมวดที่ชื่อว่า สามัญญผลสูตร ซึ่งในหนังสือพระแท้ ที่เขียนโดย หลวงพ่อทัตตชีโว ท่านก็ได้แจงความหมายไว้ว่า
เรื่องกฎแห่งกรรมเป็นเรื่องที่ใครจะหลีกหนีไม่พ้นเลย ทุกคนในโลก ทุกระดับชั้น ทุกเพศ ทุกวัย ทั้งคฤหัสถ์และบรรพชิต พุทธบริษัท ๔ ก็หนีกฎแห่งกรรมไม่พ้น การกระทำทุกการกระทำอะไรก็ตามทั้งที่ลับที่แจ้ง จะมีใครเห็นหรือไม่เห็นก็ตาม แต่กฎแห่งกรรมเขาเห็นและบันทึกติดเอาไว้
กว่าจะมาเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต้องสละทั้งทรัพย์ อวัยวะ และชีวิต เพื่อประพฤติธรรม กว่าจะบำเพ็ญบารมี ทานบารมี ศีลบารมี เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจะ อธิษฐาน เมตตา อุเบกขาบารมีให้ครบถ้วนบริบูรณ์ ตั้งแต่บารมีขั้นธรรมดา บารมีขั้นกลาง กระทั่งบารมีขั้นสูงอย่างน้อย ๒๐ อสงไขย แสนมหากัป อย่างกลางก็ ๔๐ อสงไขย แสนมหากัป อย่างสูงก็ ๘๐ อสงไขย แสนมหากัป กว่าจะมาได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ใช่ง่ายเลย เพราะฉะนั้นใครได้มาบวช ให้ปลื้มใจเถิด เรามาอยู่ ณ จุดที่ดีที่สุดแล้ว ให้ใช้วันเวลาให้ดีที่สุด
พระพุทธศาสนามีความสำคัญสำหรับทุก ๆ ชีวิตในโลก มีความสำคัญมาก คอยบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้แก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย เป้าหมายอันสูงสุดของพระพุทธศาสนา คือ ความหลุดพ้นจากกิเลสอาสวะ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าสร้างบารมีกันมานับภพนับชาติไม่ถ้วน มีเป้าหมายจะพ้นทุกข์ ให้หลุดพ้นจากกิเลสอาสวะ เพราะเห็นภัยในวัฏสงสาร
ชีวิตในสังสารวัฏอันตรายมีภัยมาก ภัยในอบาย เป็นสัตว์นรก โลกันตร์ ในอุสสทนรก ในยมโลก อสุรกาย เปรต สัตว์เดรัจฉาน มีทุกข์มาก ๆ เลย แต่มนุษย์มองเห็นได้แค่ภูมิเดียว คือ ภูมิของสัตว์เดรัจฉาน ภูมิมนุษย์ก็มีความทุกข์ทรมานแบบมนุษย์ ไม่ว่าจะเกิดเป็นชนชั้นไหนก็ตาม ล้วนแต่มีทุกข์ มีโทษ มีภัยทั้งนั้น มีเกิด แก่ เจ็บ ตาย มีความพลัดพรากจากสิ่งที่เป็นที่รัก ประสบในสิ่งที่ไม่เป็นที่รัก ปรารถนาอะไรไม่ได้อย่างนั้น เป็นต้น แล้วการดำเนินชีวิตก็ไม่ค่อยจะสมบูรณ์ มันกะพร่องกะแพร่ง ถ้าไม่รู้เรื่อง อันตราย
ชีวิตสมณะเป็นชีวิตที่เป็นต้นบุญต้นแบบ เป็นชีวิตที่ใกล้สมบูรณ์ที่สุด เพราะชีวิตจะสมบูรณ์ได้ต้องอยู่ในเพศสมณะ ชีวิตที่ยิ่งเรียบง่าย จะเป็นชีวิตที่มีความผาสุก และทรงพลัง มีความรอบรู้ ถ้าชีวิตซับซ้อนอะไรก็ดูยุ่งเหยิง วุ่นวาย อย่างพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา พระองค์ทรงสละชีวิตที่ซับซ้อนมาใช้ชีวิตที่เรียบง่าย ในที่สุดพระองค์ก็ได้เข้าถึงพระนิพพาน เพราะไม่มีอะไรเป็นเครื่องกังวล ใจจะเป็นกลาง ๆ สบาย ๆ หากทุกคนมีชีวิตที่เรียบง่าย การปฏิบัติธรรมจะได้ผลดี ใจหยุดนิ่งได้ง่าย
"เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังทรงมีพระชนม์ชีพอยู่ ทั้งพระทั้งเณรออกบวชเพราะเห็นภัยในวัฏสงสาร เห็นว่าชีวิตมีทุกข์ ไม่ว่าจะเกิดเป็นคนชั้นสูง เป็นพระราชามหากษัตริย์รัชทายาท ก็มีทุกข์ ทุกข์แบบชนชั้นสูง เกิดมาเป็นชนชั้นกลาง ก็มีทุกข์แบบชนชั้นกลางเกิดเป็นชนชั้นล่าง ก็มีทุกข์แบบชนชั้นล่าง ไม่มีใครที่มีความสุขเลย ดูเผิน ๆ เหมือนมีความสุข แต่จริง ๆ แล้ว ทุกคนมีชีวิตแบบหน้าชื่นอกตรม มีทุกข์ภายในไม่รู้จะไปบอกใคร บอกใครก็อายเขา หรือเขาก็มีทุกข์เหมือนกัน เราบอกเขา เดี๋ยวเขาก็บอกเราบ้างถ้าต่างคนต่างบอกก็กลุ้มเหมือนกัน จึงต้องหน้าชื่นอกตรมกันไป
"เราเป็นนักบวชปลดปล่อยวางแล้วจากเครื่องกังวลทั้งหลาย ไม่ต้องทำมาหากินแบบชาวโลก กิจของนักบวช คือ ศึกษาเรื่องศีล สมาธิ ปัญญา ให้เป็นพระแท้ เป็นพระที่สมบูรณ์ทั้งภายนอกภายใน เพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง โดยย่อก็คือฝึกใจให้หยุดให้นิ่งให้เข้าถึงพระรัตนตรัย นี่เป็นกิจของนักบวช
เป็นพระนี่ยากนะ อยู่เฉย ๆ เขาก็หาว่าเกียจคร้าน โดยหารู้ไม่ว่าพระท่านกำลังทำงานที่แท้จริง งานหยุดนิ่ง คือ งานที่แท้จริง ดูเหมือนไม่ได้ทำอะไรแต่กำลังทำงานที่ยิ่งใหญ่เหมือนผนังหรือเสาเรือนอยู่เฉย ๆ แต่จริง ๆ กำลังทำงานแบกคาน แบกหลังคาอยู่แม้แต่หลังคาก็กำลังทำงานคอยกันแดด กันฝน กันลม หรือพื้นก็นึกว่าอยู่เฉย ๆ แต่กำลังแบกพวกเราอยู่ ของบางสิ่งบางอย่างเห็นนิ่ง ๆ แต่กำลังทำงานทั้งนั้น
วัตถุประสงค์ของการบวชก็เพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง สลัดตนให้พ้นจากกองทุกข์ เพื่อประโยชน์ตน ประโยชน์ผู้อื่น และประโยชน์แก่ชาวโลก เป็นสิ่งที่น่าปีติยินดีในการบวชอุทิศชีวิตให้กับพระศาสนาของลูกเณรในครั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะไม่มีชีวิตใดจะประเสริฐเลิศเท่ากับชีวิตของนักบวชอีกแล้ว เป็นชีวิตสุดท้ายในสังสารวัฏ หลังจากที่เราผ่านชีวิตขึ้น ๆ ลง ๆ มานับภพนับชาติไม่ถ้วน เดี๋ยวลำเค็ญ เดี๋ยวสบาย เกิดเป็นคนชนชั้นล่างบ้าง ชั้นกลางบ้าง ชั้นสูงบ้าง พลัดไปสู่อบายบ้าง พอไม่ประมาทในการดำเนินชีวิต ได้สร้างบุญก็ไปสู่สุคติโลกสวรรค์ วน ๆ เวียน ๆ กันไปอยู่อย่างนี้
หลวงพ่อเห็นวัดร้างแล้ว เศร้าใจ เขาเขียนมาให้อ่านว่า มีวัดร้าง ๓๐,๐๐๐ กว่าไร่ทั่วประเทศ วัดร้าง ๓๐,๐๐๐ กว่าไร่นี่เป็นของใคร ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ที่สร้างวัดแรกก็ สาธุ ขอยกแผ่นดินผืนนี้ถวายพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เพราะฉะนั้น วัดเป็นของพระพุทธเจ้า ถ้าจะเอาไปให้เขาเช่า หรือทำอะไรต้องไปขออนุญาตพระพุทธเจ้าก่อน ทีนี้ท่านไม่อยู่แล้วทำอย่างไร ก็ไปขอกับพระพุทธรูป แต่ถ้าท่านนั่งเฉย ๆ ก็อย่าไปนึกว่า ท่านยอมรับโดยอริยดุษณี อย่าไปคิดอย่างนั้น
ข่าวการบวช : เวลาการสมัครบวช ยังมีเวลาเหลืออีก ๒ วัน ชีวิตของท่านชายแท้ๆ เป็นคนโชคดีเกิดมาเป็นชายและมีบุญได้บวช บวชแล้วได้ฝึกฝน และเรียนรู้ศึกษาชีวิตของพระ ที่มีคุณค่า และมีเป้าหมายชีวิตในการบวชก็แค่ ๔ อย่าง คือ ศึกษาวิชชาธรรมกาย ทำพระนิพพานให้แจ้ง แสวงบุญ ฝึกฝนตนเองและสร้างบารมี การได้ครองผ้ากาสาวพัสตร์ ในช่วงชีวิตหนึ่งของท่านชายแล้ว ดีอย่างไร มาลองฟังคุณครูไม่ใหญ่ได้แนะนำสอนไว้ว่า...
การบวชเป็นพระไม่ใช่ง่ายนะ ต้องสั่งสมบุญกันข้ามภพข้ามชาติ กว่าจะมาเป็นผู้ชาย กว่าจะมีกุศลศรัทธาอยากบวชก็ไม่ง่าย และต้องมีคุณสมบัติที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงอนุญาตเอาไว้ครบถ้วนบริบูรณ์ ถึงจะบวชได้ เป็นการลงทุนข้ามชาติทีเดียว คือ ชาติที่ผ่านมาจะต้องสั่งสมบุญให้ได้เกิดเป็นผู้ชาย บุญน้อยก็ด้อยโอกาส บุญมากก็ได้โอกาส ต้องสั่งสมบุญมาก เป็นกะเทยก็บวชไม่ได้ ผู้หญิงก็ไม่ได้ ต้องผู้ชาย ขนาดเห็นว่าเป็นผู้ชาย ยังต้องถามกันในโบสถ์เลย ปุริโสสิ ผู้ชายรึ ไม่น่าเชื่อ เห็นกันจะ จะ ขนาดนี้ ยังต้องถาม เดี๋ยวนี้ต้องถามกันให้หนักยิ่งขึ้นไปอีก สมัยก่อนในโบสถ์เขาถามกันครั้งเดียว ปุริโสสิ ผู้ชายรึ ทีนี้ต้องถาม ๓ ครั้ง ไม่ค่อยจะมั่นใจ ถ้าเกิด ผู้ชายฮ่ะ อะไรอย่างนี้ยุ่งเลย
EP.2 วัตถุประสงค์ในการทอดกฐิน : ตอน การสร้างกำลังใจไม่มีที่สิ้นสุด
ออกรายการวันอาทิตย์ที่ 5 กันยายน 2564
ห้อง Zoom DMC และทุกห้อง และ ช่อง GBN LIVE
ความเดิมตอนที่แล้ว หลวงพ่อทัตตชีโว ได้เล่าเกี่ยวกับเรื่องหลวงปู่วัดปากน้ำ(สด จันทสโร) ว่า ท่านได้สอน ฝึกใจให้หยุดนิ่ง และได้ทำวิชชาธรรมกายให้ปกป้องประเทศไทยในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 หลังจากที่สงครามโลก จบแล้ว ท่านก็ได้ส่งคุณยายอาจารย์อุบาสิกาจันทร์ ให้นำวิชชาธรรมกายเผยแผ่ไปทั่วโลก คุณยายจึงนำหมู่คณะ ไปสร้างวัดใหม่ ที่ปทุมธานี และได้ขยายพื้นที่เพิ่มเป็น 2,000 ไร่ หลวงพ่อได้ยกตัวอย่างการสร้างวัดพระธรรมกาย ในขณะสร้างวัดมีเหตุการณ์ต่างๆ มากมายเกิดขึ้น แต่มีกำลังใจ และมีเป้าหมายต่อสู้กับอุปสรรค จนกระทั่งวัดสร้างเสร็จ เพื่อรองรับนักสร้างบารมีทั่วโลก ในปัจจุบัน และที่จะมีมาในอนาคต....(กดอ่านอ่านบทความย้อนหลัง...)
หลวงพ่อทัตตชีโว ท่านได้เล่าถึง คำสั่งของหลวงปู่(สด จันทสโร) ให้ไว้กับคุณยายอาจารย์อุบาสิกาจันทร์ ถอดเป็นบทความได้ ดังว่า...
หลวงพ่อทัตตชีโว กล่าวว่า : ตอนนี้ก็เดือนนึงได้พบกันทีนะ ก็อยากจะฝากพวกเราเอาไว้ว่า ทั้งโลกขณะนี้สิ่งที่ทุกคนต้องการทั้งเด็กผู้ใหญ่ คือกำลังใจ
กำลังใจบางคนต้องรอให้ผู้อื่นให้ แต่ว่าสำหรับพวกเราแล้วไม่รอให้ใครมาให้
ต้องให้ตัวเอง แล้วก็ต้องผลิตเยอะๆเอาไปแบ่งให้ผู้อื่นเขาด้วย
รอให้คนอื่นมาให้กำลังใจนะไม่ใช่เราล่ะ เราต้องให้กำลังใจตัวเอง
เราก็ให้กำลังใจผู้อื่น
ธรรมะจากห้อง Zoom : ธรรมะเทศนา โดย หลวงพ่อทัตตชีโว
การทอดกฐิน : วัตถุประสงค์
ออกรายการวันที่ 5 กันยายน 2564
ห้อง Zoom DMC และทุกห้อง และ ช่อง GBN TV
เมื่อปฏิบัติธรรมเสร็จแล้ว หลวงพ่อทัตตชีโว ได้กล่าวทบทวนโอวาทคุณครูไม่ใหญ่และได้ปกิณณกะธรรมให้ฟังตามลำดับ
เนื้อความการทบทวนโอวาทของคุณครูไม่ใหญ่ หลวงพ่อทัตตชีโว ได้กล่าวดังนี้ว่า….
ก่อนที่เราจะได้สนทนาธรรมกันขอถือโอกาสทบทวนโอวาทเกี่ยวกับกฐิน…
การทอดกฐินนั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อให้พระภิกษุสงฆ์ได้รับอานิสงส์กฐินตามพระธรรมวินัย แล้วเป็นวาระที่พระจะได้เปลี่ยนผ้าใหม่ ด้วยเครื่องนุ่งห่มครองผ้าไตรจีวรที่เหมาะสม เพียงพอแก่สมณะบริโภค ท่านจะได้ไม่ต้องกังวลใจในเรื่องการแสวงหาผ้าจีวร จะได้เอาเวลามาแสวงหาหนทางพระนิพพาน และทำพระนิพพานให้แจ้ง
เรากำลังอยู่ในยุคของการขยายงานพระพุทธศาสนา และการสถาปนาศาสนสถานที่สำคัญเพื่อรองรับการมาสร้างบารมีของผู้มีบุญจากทั่วโลก ซึ่งเราก็จะต้องมาช่วยกันรับบุญทำให้เสร็จสมบูรณ์ แม้ว่าในภาวะปัจจุบันนี้ไม่ว่าสถานการณ์บ้านเมืองหรือโลกจะแปรปรวนไปอย่างไรก็ตาม เรานักสร้างบารมีก็ต้องสร้างบารมีกันต่อไป
มหากาลทานในคราวนี้ เราได้ตั้งใจมาสร้างบุญใหญ่กัน โดยไม่คำนึงถึงอุปสรรคอันใด อุปสรรคต่างๆนานาจะสลายหายไป ด้วยกระแสธารแห่งบุญที่เราได้ร่วมสร้างเอาไว้ เราทุกคนเป็นผู้ที่ไม่ประมาทและฉลาดในการสร้างบุญตลอดมา
เพราะก้าวแรกของชีวิตที่เต็มเปี่ยมบริบูรณ์นั้น ต้องเริ่มจากการสร้างทานบารมี ทานบารมีเป็นรากฐานของการสร้างบารมีอย่างอื่นๆ เป็นบันไดขั้นแรกของการพัฒนาชีวิตเพื่อก้าวไปสู่ความประเสริฐอันสูงสุด ดุจเดียวกับเริ่มต้นสร้างทานบารมีของท่านสุเมธดาบส เพื่อปรารถนาความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งทุกคนกำลังดำเนินรอยตามพระบรมศาสดาของเราอยู่
เราได้สละทรัพย์บริจาคทานฝากฝังไว้ในพระพุทธศาสนา ทรัพย์หยาบนี้ก็จะเป็นประโยชน์อันสูงสุดต่อมวลมนุษยชาติ เราได้ชื่อว่าบำเพ็ญประโยชน์อันยิ่งใหญ่ต่อโลกที่จะก่อให้เกิดสันติสุขที่แท้จริง เกิดทั้งประโยชน์ในปัจจุบันนี้ ประโยชน์ในอนาคต และประโยชน์อย่างยิ่ง ที่จะเป็นเหตุปัจจัยให้เราและชาวโลกได้บรรลุมรรคผลนิพพาน
ส่วนทรัพย์ละเอียดก็จะเป็นบุญกุศลติดตามตัวเราไปทุกภพทุกชาติเบื้องหน้า เพื่อเป็นเครื่องสนับสนุนให้เราได้ประสบความสุขและความสำเร็จอันสูงสุดของชีวิตในทุกๆระดับ เราจะมีอุปกรณ์ในการสร้างอย่างครบครันในภพเบื้องหน้าตลอดไป
โอวาทเมื่อพุทธศักราช 2549
หลวงพ่อทัตตชีโว ถามว่า....สำหรับพวกเราที่ยังแข็งแรงดีอยู่ แล้วเราควรจะทำยังไง ถามหลวงพ่อมาว่า ทำไมเราถึงต้องมาเกิดในยุคอย่างนี้ด้วย ยุคที่มีใครต่อใครก็ไม่รู้ที่พูดภาษาคนไม่รู้เรื่องก็มีเยอะ ส่วนที่พูดรู้เรื่องก็ไม่ค่อยจะมีอำนาจ ก็เลยเดือดร้อนกันยกใหญ่ ก็อย่าเพิ่งไปคิดอะไรมากเลย ก็ฟ้องให้เห็นว่า ไม่ต้องถึงชาติที่แล้วหรอก ชาตินี้แหละ อะไรที่บางครั้งเราก็ทำไม่เข้าท่า เราก็ภูมิใจไว้ด้วย บางทีบางคนเขาทำอะไรไม่เหมาะไม่ควรแต่พวกเดียวกัน เชียร์กันเข้าไปเสริมกันเข้าไป เมื่อถึงคราวกฎแห่งกรรมทำงาน ก็เลยต้องพลอยมารับไปพร้อมๆหน้ากันด้วย เพราะฉะนั้นถ้าไม่อยากจะไปเจออย่างนี้อีก ความชั่วแม้นิดอย่าคิดทำ
แม้ใครอื่นเขาทำ ถึงจะเป็นพวกเป็นญาติเป็นอะไรกัน ห้ามได้ก็ห้าม อย่าไปเชียร์ อย่าไปเสริม ไม่งั้นเชื้อบาปติดมาด้วย เดี๋ยวก็ต้องไปเกิดร่วมกันอีก อย่างนี้ไม่เอา ตอนนี้เหมือนรู้แล้วว่าโรคร้ายเหล่านี้ พื้นฐานมาจากความโลภเห็นแก่ได้ เห็นแก่พวก แล้วถึงได้ระบาดกันขนาดนี้ ใครอยู่ตรงไหน ทำหน้าที่ตรงนั้นให้ดี อย่าให้มีการโกงมีการเอาเปรียบกัน เดี๋ยวก็จะเพิ่มให้โรคระบาดหนักเข้าไปอีก แต่ว่าเห็นมีเอาข้าวไปแจกกัน บริจาคเครื่องและถังออกซิเจน ทั้งอุปกรณ์การแพทย์ ช่วยกันบริจาคอย่างนี้ ทำเข้าไปเยอะๆ ที่วัดของเราที่นี่ก็ทำ
หลวงพ่อทัตตชีโว ได้อธิบายเรื่อง "กฎแห่งกรรม" ไว้ว่า : พระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้เป็นผู้ตั้งขึ้นแต่พระองค์ไปพบไปเห็นเข้าเมื่อวันตรัสรู้ เมื่อพบเมื่อเห็นเข้าจึงได้นำมาบอกกับชาวโลก ให้รู้ว่ามีกฎนี้อยู่ กฎหมายยังมีการประกาศให้ทราบ แต่กฎแห่งกรรมไม่มีการประกาศ แต่ว่ามีผลบังคับใช้ตลอดกาล ตอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงค้นพบกฎแห่งกรรม ยากเย็นแสนเข็ญนัก หมดเวลากันเป็นอสงไขยกัปจึงได้ค้นพบ ได้มาแล้วก็รู้ว่าสัตว์โลกยากจะตามทัน แต่ว่าพระองค์ก็มีมหากรุณา พยายามพร่ำบอกพร่ำสอนพร้อมบ่น ทำให้กฎแห่งกรรมถ่ายทอดมาถึงพวกเราได้ สำหรับคนรุ่นหลังเขาก็อาจจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็มีอยู่เยอะ รู้สึกว่าที่ไม่เชื่อจะมากกว่าเชื่อ เพราะคนในยุคนี้ต้องการที่จะพิสูจน์ความจริง อะไรที่เขารู้สึกว่าพิสูจน์ไม่ได้เขาก็ไม่อยากจะเชื่อ มองเป็นเรื่องเหลวไหล แต่ก็อยากฝากไว้เป็นข้อคิดว่า การจะพิสูจน์อะไร ต้องทำให้ถูกวิธี ถ้าไม่ถูกวิธี ก็ไปรู้ตรงนั้นไม่ได้ ในการพิสูจน์ให้ถูกวิธีนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ได้ทรงมอบเอาไว้ให้ แต่ว่าถ้าเราไม่ค่อยได้เข้าวัด ไม่ค่อยได้ค้นพระไตรปิฎก ไม่ค่อยได้เข้าใกล้ครูบาอาจารย์ เรื่องการพิสูจน์กฎแห่งกรรมก็เลยกลายเป็นของยากไป แต่ก็อยากจะให้ข้อคิด วิธีพิสูจน์ ซึ่งมีทั้งพิสูจน์ได้ระดับลึก ระดับตื้น ก็ดูประมาณก่อนก็แล้วกัน ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว ถามตัวเองก็แล้วกัน วันนี้มีเรื่องแหนงใจตัวเองอะไรบ้างไหมที่ไปทำเอาไว้นะ เรื่องที่แหนงใจเรื่องนั้นก็คือกรรมชั่วที่ตัวเราทำเอาไว้ หรือไม่ต้องมาก เอาใกล้ตัวขึ้นมาอีกนิดนึงเป็นรูปธรรม ของที่ขโมยเข้ามา ตอนนี้หลายๆอย่างขาดแคลน เอาของที่ขโมยเขามา ของนั้นแม้ไม่มีชีวิต แต่ว่ามีปากพูดได้ ไม่น่าเชื่อ พูดแล้วก็แหนงใจตัวเอง
ธรรมเทศนา โดย พระปลัดสุวิทย์ สุวิชชาโภ ออกรายการวันอาทิตย์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2564 ช่วงบ่าย ตรงกับวันขึ้น 13 ค่ำเดือน 10 อีก 2 วันก็เป็นวันครูผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย ท่านได้เล่าเรื่องราวของพระเดชพระคุณหลวงปู่ ให้ฟัง โดยมีสาระใจความสำคัญได้ถอดมาเป็นบทความ ดังว่า.....
เจริญพรกัลยาณมิตรทั่วโลก วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ 19 กันยายน พศ 2564 ตรงกับวันขึ้น 13 ค่ำเดือน 10 อีก 2 วันก็จะเป็นวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 10 ซึ่งเป็นวันที่เราเรียกกันว่าเป็นวันครูผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย ถือว่าเป็นวันสำคัญของหมู่คณะของพวกเราที่เดียว ถ้าเราศึกษาประวัติพระเดชพระคุณหลวงปู่ เวลาเราพูดถึงพระเดชพระคุณหลวงปู่ เราจะมีสร้อยตามท้ายมาว่า พระผู้ค้นพบวิชชาธรรมกายและพระผู้ปราบมาร ทั้ง 2 ภารกิจหน้าที่อันนี้เป็นภารกิจที่หลวงปู่ ท่านจะมาทำหน้าที่ของท่านเป็นภารกิจสำคัญ จะเริ่มต้นด้วยการค้นพบวิชชาธรรมกาย แล้วถึงจะต่อเนื่องเข้าไปสู่เรื่องของพระผู้ปราบมารเกิดขึ้น เพราะฉะนั้นการค้นพบวิชชาธรรมกายของท่านนั้น จึงเป็นเรื่องสำคัญ
: วันนี้วันอาทิตย์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2564 อีก 2 วัน ก็ถึงวันครูธรรมกาย วันครูผู้ค้นพบวิชชาธรรมกายนี้ไม่ธรรมดาเลย เพราะเป็นวันที่พระเดชพระคุณหลวงปู่พระผู้ปราบมารท่านบรรลุธรรมทางสายกลาง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่จะไปสู่วิชชาธรรมกาย การปราบมารไม่ธรรมดาเลย ดังนั้นเราจึงต้องดึงใจเข้าไปสู่กระแสเรื่องบุญ หาบุญได้ต้องใช้บุญเป็น ซึ่งในสภาวะเช่นนี้เราจะปล่อยใจไปตามกระแสโลกที่ร้อนๆทำไม เพราะมันเป็นเรื่องปกติเกิดทุกยุคทุกสมัย ในสมัยพุทธกาลก็เกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ เราต้องสวนกระแสดึงใจเข้าสู่วงจรในเรื่องของบุญเรื่องของธรรมะ เรื่องอื่นให้ปัดชิวทิ้งไปเลย บุญเราก็ทำกันตั้งเยอะแยะ แต่พอเกิดวิกฤตสิ่งแวดล้อมต่าง ๆกับนึกถึงบุญกันไม่ออก ซึ่งเราก็ทำบุญกันมาเยอะ ใจก็ไม่ปลื้ม ใจก็ไม่ใสไม่สบาย อะไรก็ไม่สำเร็จ เราต้องกลับมาสู่กระแสธารแห่งบุญ หาบุญได้ต้องใช้บุญให้เป็น ถ้าอยู่ในกระแสวิกฤตสิ่งแวดล้อมอะไรต่างๆ ใจก็ไม่สบาย ถึงจับทองก็เป็นถ่าน เพราะบุญไม่ได้ช่องส่งผล แต่ถ้าหากเราอยู่ในบุญอยู่ในธรรมะ อะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละ กระแสทางโลกจะเป็นยังไงก็ได้ ถึงแม้จะจับถ่านก็เป็นทอง ทรัพย์ภายในก็เหมือนกัน ต้องสบายๆ ทรัพย์ภายนอกก็เหมือนทรัพย์ภายในคือต้องสบายๆ ต้องหาบุญได้ใช้บุญให้เป็น แค่สบายๆใจใส ใจสบายแม้จับถ่านก็เป็นทอง วิกฤตสิ่งแวดล้อมอะไรต่างๆก็เป็นเรื่องปกติมีขึ้นมีลง เพราะในสมัยพระเดชพระคุณหลวงปู่ยิ่งกว่านี้เยอะ นั่นลูกระเบิดลง เราต้องเดินตามพระเดชพระคุณหลวงปู่และคุณยาย ทำสบายๆ ดังนั้นวันครูผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย พระเดชคุณหลวงปู่ของเราคุ้มบุญให้ได้บุญเต็มฟ้าครอบเลย
ทบทวนโอวาท 2558
วันพระ ขึ้น 8 ค่ำเดือน 10 ภาษาชาวบ้าน เรียกว่า วันพระเล็ก ประเพณีไทยแต่โบราณ ทุกๆ วันพระ ชาวพุทธไปวัดเพื่อทำบุญ หรือ ก่อนวันพระ ก็จะเตรียมอาหารใส่บาตร เรียกว่า ต้องเตรียมความพร้อมให้ครบทั้งกาย วาจา ใจ เตรียมสิ่งของทำบุญ รับศีล ฟังธรรม และทำภาวนา ต่อไป ปัจจุบัน ก็คงธรรมเนียมถือปฏิบัติ เข้าวัดทำบุญถวายสังฆทาน ไม่ทำบาป
วันนี้ วันพระ มาฟังธรรมกัน ซึ่งมีธรรมะมาฝากจากห้องซูม คือ ธรรมะเทศน์ในวันอาทิตย์ต้นเดือนสิงหาคม 2564 ของหลวงพ่อทัตตชีโว ซึ่งท่านได้อ่านโอวาทเข้าพรรษาจากโอวาทคุณครูไม่ใหญ่ ดังนี้ ว่า....
วันนี้ วันพระ วันธรรมสวนะ วันนี้ตรงกับเป็นวันพระใหญ่ แรม 14 ค่ำ เดือน 9
วันพระ หมายถึง วันที่ชาวพุทธเข้าวัด ทำบุญ ทำทาน รักษาศีล และ ฟังธรรม
ในพระพุทธศาสนา วันธรรมสวนะ หมายถึง การฟังธรรม กำหนดเดือนทางจันทรคติได้ 4 วัน ได้แก่
1. วันขึ้น 8 ค่ำ เรียกว่า วันพระเล็ก
2. วันขึ้น 15 ค่ำ หรือ วันเพ็ญ เรียกว่า วันพระใหญ่
3. วันแรม 8 ค่ำ เรียกง่าย วันพระเล็ก
4. วันแรม 15 ค่ำ หากเดือนใดเป็นเดือนขาด ก็เอาวันแรม 14 ค่ำ เป็นวันพระ(เรียกวันพระใหญ่)
จากรายการสติถิการติดเชื้อโควิด 19 ทั่วโลก และในแถบประเทศอาเซียน สถานการณ์บางประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ คือ ประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย ไทย และ เวียดนาม และเสียชีวิตมากขึ้นเรื่อยๆ ช่วงในเดือนพฤษภาคม มีรายการและการทุบสถิติการติดเชื้อโควิด19 และคนตายนับว่าสูงมาก คืออินเดีย ที่ติดเชื้อวันละ 400,000 คน ซึ่งคาดว่ายังเป็นยอดที่ไม่ได้นับอีกมหาศาล คนเสียชีวิตมากมายนับไม่ถ้วน อีกทั้งสภาพสิ่งแวดล้อม ประเพณี และความเชื่อของคนอินเดีย แต่หลังจากนั้น ภายใน1เดือน สถานการณ์การติดเชื้อก็ลดลง คนตายแม้ว่า จะเพิ่มเป็นประวัติการณ์ แต่ต่อมาก็ลดลง ๆ ไปเรื่อย ๆ ในปัจจุบันนี้ สถิติการติดเชื้ออยู่ในระดับ 40,000 คน ต่อวัน เขาทำได้อย่างไร น่าศึกษา
หากใครได้ติดตามอ่านบทความที่ถอดบทความจากหลวงพ่อทัตชีโวที่เทศนาให้ฟังในวันอาทิตย์ต้นเดือนพฤษภาคม 2564 (ติดตามอ่านย้อนหลัง ได้ตามที่แหล่งอ้างอิงแจ้งไว้) ก็จะพบว่า ใน "ปโลกสูตร" พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า เหตุที่มนุษย์ลดน้อยลง คือ ความโลภของมนุษย์ การไม่มีศีล คดโกง คอรัปชั่น ทะเลาะวิวาท ต่างหยิบอาวุธเข่นฆ่าและทำสงคราม มนุษย์ล้มตายกันเป็นจำนวนมาก เกิดทุกขภิกภัย ข้าวยากหมากแพง ฝนฟ้าไม่ตกต้องตามฤดูกาล เกิดโรคระบาด เพราะ พวกยักษ์ปล่อยอมนุษย์ที่ร้ายกาจไว้(บนพื้นโลก) เพราะเหตุนั้นมนุษย์จึงล้มตายเป็นจำนวนมาก
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสสอนว่า สะอาดกับระเบียบ สะอาดคือธรรมะ ระเบียบคือพระวินัยธรรม ธรรมะและวินัยจะคุ้มครองชาวโลกให้ปลอดภัย และ ความสุขความเจริญของชาวโลกของมนุษย์ ขึ้นอยู่กับบุญของตัวคนผู้นั้น ถ้าจะพูดอีกทีหนึ่ง ก็คือ สุข ทุกข์ของมนุษย์เจริญหรือเสื่อมของมนุษย์ขึ้นอยู่กับบุญบาปของมนุษย์ผู้นั้น
ข่าวบีบีซี นิวส์ กรุงนิวเดลี รายงานข่าวในช่วงเดือนพฤษภาคม 2564 ว่า คนอินเดียมีความเชื่อทางประเพณีและศาสนาในการทิ้งศพลงแม่น้ำคงคาจะทำให้คนตายไปสวรรค์ ซึ่งน่าจะเป็นเหตุปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคระบาดมากขึ้น และทำให้ประชาชนเสียชีวิตเพิ่มขึ้น ทั้งที่ทราบจำนวน และ ไม่ทราบจำนวนอีกมากมายมหาศาล และคนอินเดียส่วนใหญ่เป็นคนยากจนไม่มีเงินจัดการศพ เขาจึงห่อศพและไสลงแม่น้ำคงคา ตามประเพณี ซึ่งทุกคนเห็นเป็นเรื่องปกติ แม้จะมีการเผาศพแต่เนื่องด้วยมีคนตายจำนวนมากเพิ่มขึ้น ไม่มีที่เผาศพ จึงได้เผาศพที่ริมฝั่งแม่น้ำคงคา หรือ ฝังศพไว้ในท้องน้ำแม่น้ำ เรียกว่าหลุมฝังศพกระจายไปทั่วท้องน้ำ เมื่อมีฝนตกและระดับแม่น้ำสูงขึ้น ก็ทำให้แม่น้ำนำพาศพที่ฝังไว้ตื้นๆ ลอยตามน้ำไป ศพจึงเกลื่อนไปทั่วแม่น้ำคงคา ซึ่งเป็นเหตุทำให้เชื้อโรคกระจายมากขึ้น อินเดียทุบสถิติมีคนติดเชื้อถึงวันละสี่แสนคน จำนวนผู้เสียชีวิต 275,000 คน (ข่าววันที่ 19 พค 2564) ซึ่งตัวเลขอาจจะมากกว่าที่แจ้งไว้
กระทรวงสาธารณสุขอินเดียรายงาน ในช่วงเดือนพฤษภาคม ปี 2564 ว่า แม้ผู้ติดเชื้อเริ่มลดลง แต่ในรอบหนึ่งวันต่อมา ก็ยังมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เหตุเพราะสิ่งอำนวยด้านการดูแลสุขภาพไม่ทั่วถึง
6 สัปดาห์ ที่ประเทศอินเดียประสบภัยการระบาดของเชื้อโรคโควิด 19 ผู้ป่วยล้นโรงพยาบาล ออกซิเจนและยาขาดแคลน แม้จะเสียชีวิตเพิ่ม แต่ผู้ติดเชื้อก็ลดลงมากแล้ว นับว่าเป็นสัญญาณที่ดี
ในปัจจุบัน (ข่าว 6 สิงหาคม 2564) เมื่ออินเดียมีกลยุทธในการบริหารจัดการ จึงได้ประสบผลสำเร็จในการจัดการด้านการฉีดวัคซีนและรัฐเข้ามาช่วยดูแลประชากรได้อย่างดีมีประสิทธิภาพผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตก็ลดลงอย่างเป็นนัยยะ ตัวเลขปัจจุบันผู้ติดเชื้อเหลือเพียง 40,000 กว่าคน
วันนี้วันพระ หมุนเวียนมาอีกครั้ง ในเดือนหนึ่งก็จะมีวันพระ 4 ครั้ง โดยมีวันพระสัปดาห์ละ 1 ครั้ง หากเป็นวันพระขึ้น 15 ค่ำ หรือแรม 14 หรือ 15 ค่ำ เรียกว่า วันพระใหญ่ ในด้านพระพุทธศาสนา คณะสงฆ์ก็ลงโบสถ์สวดปาฏิโมกข์ทุกกึ่งเดือน ส่วนพุทธศาสนิกชน ทุกวันพระ ก็จะเข้าวัด ทำทาน รักษาศีล ทำภาวนา เป็นประเพณีที่ทำสืบกันมาตั้งแต่ครั้งพุทธกาล
อาหารเป็นสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิตในขั้นพื้นฐาน และอาหารที่ดีมีคณภาพก็ทำให้ร่างกายมีสุขภาพที่แข็งแรง ยังยืนยาวนาน มีชีวิตเป็นสุข ซึ่งเป็นสิ่งมุ่งหวังในชีวิตทุกคน ดังพุทธภาษิตที่ว่า "อโรคยาปรมา ลาภา" ลาภทั้งหลายมีความไม่มีโรคเป็นอย่างยิ่ง สุขภาพที่ดีจึงเป็นพื้นฐานแห่งชีวิต ในสังคีตสูตร บันทึกไว้ว่า "สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ดำรงอยู่ได้ด้วยอาหาร สัตว์ทั้งหลายดำรงอยู่ด้วยสังขาร" การบริโภคอาหารเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องทำเป็นประจำทุกวัน การบริโภคอาหารที่ถูกต้องก็จะทำให้สุขภาพแข็งแรง อาหารจึงเป็นปัจจัยสำคัญของชีวิตที่ทำให้มนุษย์เป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าบนโลกใบนี้ ส่งผลให้วิถีชีวิตทุกคนเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีในทุกๆด้าน
ในสถานการณ์ปัจจุบัน คนทั่วโลกประสบปัญหาโรคภัยพิบัติกับโควิด-19 ที่ระบาดในช่วงเวลานี้ คนทั่วโลกล้มตายลงเป็นจำนวนมาก การล็อคดาวว์พื้นทีต่าง ๆ ที่ประสบภัยโควิด19 เป็นมาตรการหนึ่งที่ช่วยระงับเชื้อโควิดที่มีอยู่ในมนุษย์เคลื่อนที่พาเชื้อโรคไปแพร่กระจาย ร่างกายสามารถสร้างภูมิต้านทานโรคได้มากเมื่อเรารับประทานอาหารได้ถูกสุขอนามัย เพื่อให้ร่างกายได้ต่อสู้กับโรคระบาดโควิด19 ได้อย่างสบายๆ เรามาฟังคุณหมอแต่ละท่านให้ความรู้เรื่องอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายในช่วงระบาดของโควิด19 มีหลายคนเมื่อไปตรวจภูมิคุ้มกันแล้ว ภูมิคุ้มกันเพิ่มไม่เท่ากัน เป็นปัญหาสุขภาพของแต่ละคน ที่มีคุณภาพของสุขภาพไม่เท่ากัน เราควรแก้ไขปัญหานี้อย่างไร
กราฟแสดงการแพร่ระบาดในปัจจุบัน และยืนยันการติดเชื้อรายใหม่ จะเห็นว่าเส้นกราฟสูงชันมาก |
นายแพทย์ ธนีย์ ธนียวัน (Tany Thaniyavarn, MD) ผู้เชี่ยวชาญโรคปอด วิกฤตบำบัด และการปลูกถ่ายปอด (Pulmonary
and Critical Care Medicine/ Lung Transplant) เป็นอาจารย์แพทย์ในสหรัฐอเมริกา ได้อธิบายเรื่องการรับประทานอาหารในช่วงโควิด19 ระบาด ควรทำอย่างไร ไม่ให้ติดเชื้อโรค โดยอธิบายผ่านช่องยูทูป doctor Tony ไว้ว่า ปัจจุบันยังไม่มีรายงานการติดเชื้อโควิด19 จากการรับประทานอาหาร และคุณหมอได้แนะนำประสบการณ์ตรงในขณะช่วงที่ยังไม่มีวัคซีน ปฏิบัติตนในการป้องกันเรื่องการรับประทานอาหาร ควรทำอย่างไร
1. ควรเลือกแหล่งประกอบอาหารที่บรรจุภาชนะเรียบร้อยแล้ว และอาหารปรุงสุกใหม่
2. เมื่อรับมาแล้ว ก็ให้ฉีดยาพ่นฆ่าเชื้อก่อน ในส่วนของภาชนะด้านนอก และถุงที่ใส่อาหารที่ถูกสัมผัส และเช็ดให้ทั่ว ๆ เพราะการฉีดด้วยเสปรย์ฆ่าเชื้ออาจจะไม่ทั่วถึงในพื้นที่นั้น ให้เช็ดทั้งหมดของพื้นที่
3. ช่วงเวลาที่รับประทานอาหาร "อย่ารับประทานอาหารร่วมกันโดยเด็ดขาด" เมื่อเรารับประทานอาหารแล้ว อย่าแบ่งอาหารให้แก่กันเด็ดขาด หากจะแบ่งก็ควรแบ่งก่อนรับประทานอาหาร มีภาชนะส่วนตัว แบ่งแยกการใช้งานให้ชัดเจน และไม่ควรพูดคุยกันในขณะรับประทานอาหาร เพราะเชื้อและน้ำลายจะฟุ้งกระจายออกจากปากของเรา
4. เวลานั่งรับประทานอาหาร ควรนั่งคนละมุม อย่านั่งรับประทานอาหารใกล้กัน เพราะหากจะติดก็ติดจากคนใกล้ชิดนั่งรับประทานอาหารด้วยกัน
5. สถานที่ก็ควรเป็นที่มีพื้นที่ระยะห่างกันมากกว่า 2 เมตร หากเป็นสถานที่ปิด ก็ควรเป็นห้องนั่งเดี่ยว และหากเป็นสถานที่รวม ควรเป็นสถานที่โล่งๆ มีลมพัดผ่าน โอกาสติดเชื้อจะน้อยมากๆ เชื้อจะเจือจางและหายไปหมดแล้ว
จากข้อมูลที่กล่าวไว้นั้น สรุปได้ว่า ปัจจุบันยังไม่มีรายการการติดเชื้อจากอาหาร รับประทานอาหารได้ปกติ ภาชนะควรทำความสะอาดด้วยการฆ่าเชื้อก่อน และเช็ดให้เรียบร้อย หากต้องการแบ่งอาหาร ควรแบ่งก่อนรับประทานเป็นส่วนๆ แยกกันทานโดยเว้นระยะห่างคนละมุม เลือกรับประทานอาหารให้เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ก็เป็นวิธีสร้างภูมิคุ้มกันโรคให้ร่างกายที่ดีอย่างหนึ่งที่ทำให้ปลอดภัยจากเชื้อโควิด 19
นายแพทย์ฉัตรชัย ศรีบัณฑิต แพทย์ด้านการบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย ได้ให้คำแนะนำ เรื่องการทำให้ร่างกายปลอดภัยจากการติดเชื้อโควิด19 คือ การสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ร่างกายสามารถสร้างภูมิกันได้หลายวิธี การสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้กับร่างกาย นั้นคือ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ได้คุณค่าวิตามิน และสารอาหารครบถ้วน และควรออกกำลัง พักผ่อนให้เพียงพอ อย่าเครียดกับเรื่องโควิด หรือ เรื่องอื่น ๆ
เมื่อร่างกายมีสุขภาพแข็งแรง หมายถึงเซลในร่างกายแข็งแรง ร่างกายไม่มีโลหะหนัก ร่างกายไม่มีสารพิษ จะทำให้เพิ่มภูมิคุ้มกันในร่างกายได้เยอะ เมื่อเราได้รับการฉีดวัคซีน
ดังนั้น การสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายได้แข็งแรง คือ การฉีดวัคซีน จะได้มีภูมิที่ดี แต่การสร้างภูมิคุ้มกันแต่ละคนจากการฉีดวัคซีนจะได้ไม่เท่ากัน เราจึงต้องทำให้ร่างกายมีสุขภาพแข็งแรง โดยการรับประทานอาหารที่มีคุณค่า และมีสารอาหารครบ 5 หมู่ มีวิตามิน A,B,C ,D และธาตุสังกะสี รับประทานผัก ผลไม้ที่มีกากใยอาหารทำให้มีจุลินทรีย์ในสำไส้ และควรออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ ร่างกายจะได้ไม่อักเสบ หรือ มีสารพิษตกค้างในร่างกาย อย่าเครียด ซึ่งเราสามารถแก้ไขโดยการทำสมาธิใจจะได้สบายๆ และมีความสุข เซลในร่างกายก็จะแข็งแรงด้วย จะทำให้เมื่อฉีดวัคซีน ภูมิคุ้มกันก็จะเพิ่มขึ้นเยอะ
ดร.กมล ไชยสิทธิ์ ผู้ชำนาญการด้าน โภชนาการ และเภสัชวิทยา ได้กล่าวไว้ว่า การสร้างภูมิคุ้มกันร่างกายในช่วงโควิด ก็คือ การรับประทานอาหารที่ดี และได้สัดส่วนอาหารที่ถูกต้อง ชนิดอาหารก็ถูกต้อง แหล่งคุณภาพก็ต้องดี ได้แก่
โปรตีนจากเนื้อสัตวที่มีคุณภาพดี โดย น้ำหนัก 1 กิโลกรัม ต่อ เนื้อสัตว์ 1 กรัม เป็นต้น
ไขมัน เลือกไขมันดี เช่นมะกอก และหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันอิ่มตัว และของทอด
ควรรับประทานผักหลากสี และผลไม้ที่ไม่มีรสหวานจัด เนื่องจาก น้ำตาลที่มีปริมาณจำนวนสูงจะกดการทำงานภูมิคุ้มกัน WHO เตือนให้บริโภคน้ำตาลไม่เกินวันละ 6 ช้อนชาต่อวัน
ควรรับประทานวิตามินที่จำเป็นในการเพิ่มภูมิคุ้มกัน ได้แก่
วิตามิน A ซึ่งหาได้จากปลาทะเล, เบต้าเคโรทีม ได้จากผักสีส้ม และสีเหลือง
วิตามิน B6 และ Folic Acid ได้จาก ผักสีเขียว
วิตามิน C ได้จาก ฝรั่ง ลิ้นจี่จักรพรรดิ และพริกหวานสีเขียวแดง
วิตามิน D ได้จาก ปลาทะเล เช่น ปลาซามอล
และธาตุสังกะสี มีอยู่ในเมล็ดฟักทอง
ส่วนวิตามินที่เป็นยาเสิรมสำเร็จรูป ควรปรึกษาแพทย์ เมื่อต้องการรับประทาน เพราะวิตามินชนิดเม็ดบางชนิดจะเป็นอุปสรรคกับยาที่เรารับประทานเข้าไปด้วย
สมุนไพรในการต้านไวรัส : จากผลงานวิจัย บอกไว้ ว่า กระชายมีฤทธิ์ในการต้านไวรัส แต่ต้องสกัดเป็นสารออกมาก่อนเรียกว่า สารพาลูลาตินเอ ดังนั้นกระชายที่นำมาต้นดื่ม คั้นน้ำอื่ม ก็ไม่ได้ช่วยในการต้านไวรัส เพราะยังไม่ได้สกัดเป็นสาร
ขิง : ขิงแห้ง มีฤทธิ์ในการต้านไวรัสน้อยกว่า ขิงสด ดังนั้นหากต้องการดื่มน้ำขิง ก็ใช้ขิงสดฝานและนำไปต้มในน้ำร้อน
ธัญพืชและผลไม้ ได้แก่ ถั่วดำ แอปเปิ้ล บลูเบอรี่ สตอเบอรี่ เป็นต้น
เมื่อเราทราบแล้วว่า อาหารจำเป็นต้องร่างกาย ที่สามารถเพิ่มภูมิคุ้มกันต้านไวรัสได้ ก็ต้องรู้จักรับประทานอาหารที่มีแหล่งคุณภาพที่ดี ไม่เห็นแก่ปากท้อง ที่อยากรับประทานตามใจปากแต่ไม่ได้คุณค่าทางอาหาร
นายเพทย์ วินัย โบเวจา เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคปอดและทางเดินหายใจ ก็ได้ให้คำแนะนำเรื่องอาหารที่ควรรับประทาน และที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ได้ให้ความรู้แก่ประชาชน เพื่อจะได้ทราบว่าควรเอาใจใส่ต่อสุขภาพตนเองเป็นพิเศษอย่างไร ในยุคที่อยู่บ้านกันมากขึ้น ไม่ควรรับประทานอาหารที่อาจทำให้อาการแย่ลง เช่นอาหารทอด อาหารที่ย่อยยาก อาหารที่ไม่เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคโควิด และอาหารที่ไม่เพิ่มโรคอื่นๆในร่างกายด้วย เช่นอาหารค้างคืน อาหารที่ผลิตจากแหล่งไม่ถูกสุขอนามัย ดังนั้นเราต้องระวังตัวเองด้วย ควรรู้จักดูแลตนเองเยอะๆ ในช่วงระบาดของโควิด19 แม้ไม่ป่วย หรือป่วยระดับไหน ก็ต้องรู้จักดูแลตนเอง เพราะเมื่อพักอยู่ที่บ้าน ไม่มีหมอมาช่วยดูแล ให้คำแนะนำ ก็ต้องดูแลตนเองให้ดีอย่างไร ทั้งที่พักอยู่บ้าน โรงพยาบาลสนาม หรือ โรงพยาบาล แต่ในปัจจุบันเป็นช่วงที่โควิด 19 ระบาดอย่างหนัก ส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะพักอยู่ที่บ้าน
ดังนั้นในสภาวะที่ล็อคดาวน์อยู่กับบ้าน ควรดูแลตนเองกันดีๆ ระมัดระวังในการเลือกรับประทานอาหารจากแหล่งที่มีคุณค่าและมีประโยชน์ต่อสุขภาพตนเองให้เยอะๆ แล้วเราจะผ่านวิกฤติโรคระบาดโควิด19ได้อย่างสบาย ๆ