ร่วมด้วยช่วยกันแชร์เป็นธรรมทาน

วันอังคารที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

ผ้าสีสุดท้าย เส้นทางที่เลือกเอง

ผ้าสีสุดท้าย เส้นทางที่เลือกเอง

 

เส้นทางที่เลือกเอง

การที่เราทิ้งทุกสิ่งมาจากทางโลก เพราะเห็นว่าชีวิต
ทางโลกนั้นเป็นชีวิตที่อึดอัด คับแคบ เหมือนปลาอยู่ในข้อง
ถึงจะสนุกสนานเพลิดเพลิน ก็สนุกสนานไปแบบแกนๆ กัน
ไปอย่างนั้น จึงได้ทิ้งสิ่งเหล่านั้นมาสู่เส้นทางนี้
เมื่อเราตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวเด็ดขาด จะเข้ามาสู่
ในเส้นทางธรรม ก็จะต้องประพฤติปฏิบัติอย่างตั้งใจ ให้ได้
บรรลุวัตถุประสงค์ของการมาสู่เส้นทางธรรม ที่จะมาศึกษา
พระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  มาฝึกฝนอบรม
ตนเอง และมาสร้างบารมี ให้ทำให้ได้อย่างที่ได้ตั้งใจเอาไว้

นาถของโลก

วันเวลาที่ผ่านไป ก็ให้ผ่านไปด้วยการสั่งสมความดีความ
บริสุทธิ์ผุดผ่องเข้ามาใส่ตัวของเราให้มากๆ ให้หมั่นตรวจตรา
ดูแลตัวของเราเองให้ดี ตั้งแต่ภายในออกมาสู่ภายนอก นั่นคือ
ตรวจตราดูแลจิตใจ ความรู้สึกนึกคิดของเรา ให้สะอาด
ให้เกลี้ยงเกลา จากสิ่งที่เป็นข้าศึกต่อกุศล ต่อความบริสุทธิ์
ผุดผ่อง ให้ใจเราผ่องใสประภัสสรอยู่ตลอดเวลา
ตรวจตราดูแลวาจาและการกระทำของเรา ให้บริสุทธิ์
ผุดผ่องอยู่ตลอดเวลา

ตรวจตราดูแลทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบตัวเรา ไม่ว่าจะ
เป็นอาภรณ์ เครื่องนุ่งห่ม อาวาสที่อยู่อาศัย ตลอดจนกระทั่ง
อาหารที่จะนำเข้าไปสู่ร่างกายของเรา ต้องบริสุทธิ์ผุดผ่อง
ตลอดหมด สิ่งอะไรที่จะไหลผ่านกาย วาจา ใจของเราต้อง
สะอาด ต้องบริสุทธิ์ผุดผ่อง อย่างนี้ถึงจะสมกับการได้เข้ามา
สู่เส้นทางอันบริสุทธิ์สายนี้

เมื่อเราบริสุทธิ์ผุดผ่อง กระทั่งเป็นที่พึ่งต่อตัวเราเองได้
ก็จะได้เป็นหลักเป็นที่พึ่งของชาวโลกต่อไปในอนาคต ชาวโลก
นั้นขาดที่พึ่ง เขายังว้าเหว่อยู่ ยังไม่รู้ว่าจะเดินไปทางไหนชีวิต

ถึงจะรอดปลอดภัยจากความทุกข์ทรมานในสังสารวัฏและ
ในอบาย เพราะฉะนั้นเขาจึงต้องแสวงหาผู้รู้ที่จะเป็นหลักที่
พึ่งให้เขาได้

ผู้รู้ที่จะเป็นที่พึ่งแก่ชาวโลกได้นั้นก็คือ ผู้ที่ได้เข้าถึง
ธรรมกายภายใน เพราะว่าเมื่อถึงหลักของชีวิตแล้ว เอาตัว
รอดปลอดภัยแล้ว ต่อจากนั้นก็เป็นเรื่องของการทำหน้าที่
ที่จะเป็นหลักเป็นที่พึ่งให้ชาวโลก ถ้ารู้แล้วเห็นแล้วไม่ไป
ทำหน้าที่นี้ มันก็ผิดหน้าที่ หน้าที่ของเราก็ไม่สมบูรณ์ ได้แค่
ประโยชน์ตน แต่ว่าประโยชน์ท่านนั้นยังไม่ได้ เพราะฉะนั้น
ก็จะต้องทำหน้าที่กันต่อไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ เหมือนอ้อย
ที่เขาหีบเอาความหวานหมดไป เหลือแต่ชานก็ทิ้งไปอย่าง
นั้น ร่างกายนี้ก็เช่นเดียวกัน เมื่อเราอาศัยสร้างความดีเพื่อ
ประโยชน์ตนและประโยชน์ท่านเสร็จเรียบร้อยแล้ว ถึงคราว
ที่ร่างกายใช้ไม่ได้ก็จากไปสู่ภพภูมิใหม่ เหมือนภาชนะดินที่
แตกทำลายไปใช้ภาชนะทองคำแทนอย่างนั้น

การที่จะเดินทางไปสู่เส้นทางสายกลางภายในนั้น
เป็นการเดินสวนกระแสกิเลส กระแสแห่งความทุกข์ทรมาน
เพราะฉะนั้นจงมีความสุขและสนุกสนานกับการสวนกระแส
ซึ่งเป็นสิ่งที่จะทำให้กาย วาจา ใจของเราเศร้าหมอง ให้มี

ความสุขสนุกกับสิ่งนี้ที่จะเอาชนะกิเลส เพราะนี่เป็นหน้าที่
เป็นอาชีพของเรา
รักษาใจของเราอย่าให้อ่อนแอหรือตกต่ำลงไป ด้วยการ
หมั่นตรวจตรา กาย วาจา ใจ ให้สะอาด บริสุทธิ์อยู่เสมอ
เมื่อใจยิ่งบริสุทธิ์ ก็ยิ่งมีความสุข ยิ่งมีความสุขก็ยิ่งมีกำลังใจ
ในการสร้างความดีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ถ้ากำลังใจของเราตก เป็นเครื่องวัดว่า กาย วาจา ใจของ
เราไม่บริสุทธิ์ มีบางสิ่งที่เข้ามาบังคับบัญชาอยู่ในกาย วาจา ใจ
ของเรา ถึงตอนนี้ก็ต้องรีบแก้ไข ต้องเอาชนะให้ได้ ให้มีความ
สุข สนุกกับการทวนกระแสกิเลส กระทั่งเกิดเป็นความคุ้นเคย
และก็ชิน จนเป็นจริตอัธยาศัยพื้นฐานจิตใจของเราที่มั่นคง
ยิ่งๆ ขึ้นไป ระลึกไว้เสมอว่า กาย วาจา ใจ ที่บริสุทธิ์เท่านั้น
ถึงจะรองรับความรู้อันบริสุทธิ์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้
 
ส่วนหนึ่งของคำสอนคุณครูไม่ใหญ่
วันอังคารที่ ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๐
 

ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลและรูปภาพ

3 ความคิดเห็น:

welcome everyone to เล่าเรื่องตามกาลเวลา