ร่วมด้วยช่วยกันแชร์เป็นธรรมทาน

วันพฤหัสบดีที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2564

กฎแห่งกรรมกับกฎหมาย แตกต่างกันอย่างไร EP.2

ธรรมเทศนา โดย คุณครูไม่เล็ก (หลวงพ่อทัตตชีโว)
จากรายการ ห้องซูมทุกห้องในช่วงบ่ายวันอาทิตย์ต้นเดือนวันที่ 1 สิงหาคม 2564
ความเดิมจากตอนที่แล้ว EP.1 คลิกอ่าน
เนื้อความถอดเป็นบทความ PE .2  ได้ดังนี้  
 

 

ความชั่วแม้เพียงน้อยนิดอย่าคิดทำ

หลวงพ่อทัตตชีโว  ถามว่า....สำหรับพวกเราที่ยังแข็งแรงดีอยู่ แล้วเราควรจะทำยังไง ถามหลวงพ่อมาว่า ทำไมเราถึงต้องมาเกิดในยุคอย่างนี้ด้วย ยุคที่มีใครต่อใครก็ไม่รู้ที่พูดภาษาคนไม่รู้เรื่องก็มีเยอะ ส่วนที่พูดรู้เรื่องก็ไม่ค่อยจะมีอำนาจ ก็เลยเดือดร้อนกันยกใหญ่ ก็อย่าเพิ่งไปคิดอะไรมากเลย ก็ฟ้องให้เห็นว่า ไม่ต้องถึงชาติที่แล้วหรอก ชาตินี้แหละ อะไรที่บางครั้งเราก็ทำไม่เข้าท่า เราก็ภูมิใจไว้ด้วย บางทีบางคนเขาทำอะไรไม่เหมาะไม่ควรแต่พวกเดียวกัน เชียร์กันเข้าไปเสริมกันเข้าไป เมื่อถึงคราวกฎแห่งกรรมทำงาน ก็เลยต้องพลอยมารับไปพร้อมๆหน้ากันด้วย เพราะฉะนั้นถ้าไม่อยากจะไปเจออย่างนี้อีก ความชั่วแม้นิดอย่าคิดทำ

แม้ใครอื่นเขาทำ ถึงจะเป็นพวกเป็นญาติเป็นอะไรกัน ห้ามได้ก็ห้าม อย่าไปเชียร์ อย่าไปเสริม ไม่งั้นเชื้อบาปติดมาด้วย เดี๋ยวก็ต้องไปเกิดร่วมกันอีก อย่างนี้ไม่เอา ตอนนี้เหมือนรู้แล้วว่าโรคร้ายเหล่านี้ พื้นฐานมาจากความโลภเห็นแก่ได้ เห็นแก่พวก แล้วถึงได้ระบาดกันขนาดนี้ ใครอยู่ตรงไหน ทำหน้าที่ตรงนั้นให้ดี อย่าให้มีการโกงมีการเอาเปรียบกัน เดี๋ยวก็จะเพิ่มให้โรคระบาดหนักเข้าไปอีก แต่ว่าเห็นมีเอาข้าวไปแจกกัน บริจาคเครื่องและถังออกซิเจน ทั้งอุปกรณ์การแพทย์ ช่วยกันบริจาคอย่างนี้ ทำเข้าไปเยอะๆ ที่วัดของเราที่นี่ก็ทำ 

ด้วยรักและห่วงใย "ส่งแรงใจสู้ภัยโควิด-19

หลวงพ่อทัตตชีโวท่านเล่าให้ฟังว่า....ก็ขอถือโอกาสแจ้งข่าวก็แล้วกัน เรื่องแจกข้าวปลาอาหารไปช่วยตามที่ต่างๆทางตามสถานพยาบาล ทั้งคนอดอยากยากจน ทั้งวัดวาอารามเราทำตลอด แต่ว่าก็ไม่ค่อยโฆษณาอะไร เพราะว่าก็ทำแล้วเป็นบุญ ก็สาละวนอยู่ว่าจะช่วยยังไงกันต่อไป ก็เลยไม่ค่อยได้แจ้งข่าว วันนี้ก็ถือว่าแจ้งข่าวให้ทราบว่า นอกจากบูชาข้าวพระของเราแล้ว ช่วยเหลือชุมชน ช่วยเหลือราชการ ช่วยเหลือพระสงฆ์ ไม่เฉพาะในประเทศไทย แม้ในต่างประเทศอะไรที่เราช่วยได้เราทำทั้งนั้นเลยก็ให้รับทราบเถอะ ปัจจัยที่ทำบุญมาเราได้ใช้ไปทำบุญในเรื่องต่างๆ ช่วยเหลือสัตว์โลกชาวโลกกันในวาระนี้กันเต็มที่เต็มกำลังอยู่ ก็ให้ได้บุญด้วยกันเยอะๆทุกรูปทุกคนเลย

คณะสงฆ์จังหวัดปทุมธานี ร่วมกับ วัดพระธรรมกาย มูลนิธิธรรมกาย เครือข่ายคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกายทั่วโลก และภาคีเครือข่ายฯ

ร่วมกันลงพื้นที่มอบอาหารปรุงสุกใหม่ “ด้วยห่วงใย ส่งแรงใจ สู้ภัยโควิด-19” จำนวน 500 ชุด เป็นสาธารณสงเคราะห์ ให้กับประชาชนในพื้นที่ ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี


วิธีไม่ละเมิดกฎแห่งกรรม แหล่งผลิตบุญ และวิธีผลิตบุญ

หาบุญได้ใช้บุญเป็น แผ่เมตตาไปก็แผ่ไป ช่วยเหลืออะไรได้ก็ช่วยไป ตั้งผังดีๆให้กับตัวเอง เกิดกี่ภพกี่ชาติแต่นี้ไป เป็นผู้ที่บริสุทธิ์ด้วยกาย วาจา ใจ อะไรไม่ดี แม้สักนิดก็อย่าพูด อย่าทำ เลือกคิด เลือกพูด เลือกทำแต่สิ่งที่ดี ๆ และมีหลักการ การที่ใครจะคิดดีๆ นั้น ไม่คิดร้าย ๆ ไม่พูดร้าย ๆ ไม่ทำร้าย ๆ หลักการมีนิดเดียว เรารู้แต่ไม่ได้เฉลียวใจ หลักมีว่าอย่างไร
 

ถ้าใจอยู่ในตัวและใจใส จำไว้ ใจออกนอกตัวเมื่อไรล่ะก็ใจจะขุ่น เมื่อใจขุ่น ก็จะคิดไม่ดี แล้วก็อย่าส่งผลให้พูดให้ทำไม่ดีตามมา แต่ถ้าใจอยู่ในตัวใจจะใส นี่เป็นธรรมชาติของใจ หลวงปู่จึงได้บอกว่า ฐานของใจอยู่ที่ฐานที่ 7 ใจมีฐานอยู่ที่ฐานที่ 7 ต้องเอาใจมาไว้ที่ฐานที่ 7 นี้ ใจอยู่ที่ฐานที่ 7 ใจจะใส เมื่อใจใส คิดร้ายคิดไม่ออก คิดได้แต่ดีๆก็พูดก็ทำได้แต่ที่ดีๆ เพราะฉะนั้นอธิษฐานไปด้วย ให้เราในคิดดี พูดดี ทำดี ตลอดแต่นี้ไปทุกภพทุกชาติจะได้ไม่ไปแตะต้องไปละเมิดกฎแห่งกรรมนั้น แต่ว่าการที่จะทำได้อย่างนี้ มีข้อแม้อยู่ข้อเดียว ต้องขยัน ขยันอะไร ขยันเก็บรักษาใจเอาไว้ในตัว ขยันเก็บใจเอาไว้ในตัว เอาไว้นอกตัวแล้วมันจะขุ่น เมื่อใจขุ่นก็จะคิดไม่ดี พูดไม่ดี ทำไม่ดี เมื่อเอาไว้ในใจเอาไว้ในตัว ใจใสก็เลยคิดดี พูดดี ทำดี การคิดดี พูดดี ทำดี ทำให้สามารถระลึกได้ ระลึกได้อะไรล่ะ สิ่งที่ทำคำที่พูดจะนานแสนนานเท่าไหร่ ก็จำได้ระลึกได้ สิ่งที่ทำคำที่พูดไว้นานๆนี่แหละจำได้เพราะใจใส คนที่มีความสามารถในการระลึกได้อย่างนี้ สิ่งที่ทำคำที่พูดแม้ได้นานๆ เขาเรียกว่า คนมีสติ เพราะฉะนั้นที่เรียกว่า มีสติคือคนอย่างไร มีสติคือคนที่เอาใจเก็บไว้ในตัวได้ คนมีสติคือคนที่ไม่ปล่อยใจให้หนีออกไปนอกตัว ถ้าหนีออกนอกตัวเขาเรียกว่าเผลอสติ แต่ว่าธรรมชาติของใจ ถูกตามใจมาตั้งแต่เล็ก ตั้งแต่เด็กก็ถูกตามใจ ว่ามีของเล่นอะไรเดี๋ยว ๆ ก็จะโยนทิ้งแล้วไปเอาใหม่ เปลี่ยนของเล่นไปเรื่อย พ่อแม่ก็ตามใจเรื่อยไป โตขึ้นเลยตามใจตนเองเรื่อยมา ปล่อยใจออกไปนอกตัวเที่ยวเตลิดไม่อยากกลับ

อาจเป็นรูปภาพของ 1 คน, เด็ก และ ข้อความ 

ถูกตามใจตัวเองตั้งแต่เป็นเด็ก เล่นตุ๊กตาได้เท่าไหร่ๆเดี๋ยวก็โยนทิ้ง ได้อะไรมาหน่อยเดี๋ยวก็โยนทิ้ง ไปหาของใหม่ ใจหนีเที่ยวออกนอกตัวเรื่อยมาตามความตามใจของพ่อแม่ โตขึ้นมาก็เลยติด ใจชอบหนีเที่ยวออกนอกตัว ใจจึงขุ่นง่าย ขาดสติง่าย เพราะฉะนั้น สติเป็นเรื่องตะปบใจเอามาไว้ในตัว สมาธิ คือ การคว้าใจมาไว้ในตัว ใจก็ดิ่งลงไปให้มันนิ่งเข้ากลางของกลางสมาธิ ถ้าอย่างนี้ล่ะก็ ใจใสตลอดกาล คิดดี พูดดี ทำดีตลอดกาล เพราะฉะนั้นแทนที่จะเป็นระวัง คิดไม่ดี พูดไม่ดี ถ้าไม่ดีอย่าไปเสียเวลาคิดอย่างนั้น เอาว่ามาประคองใจเอาไว้ในตัวอย่าให้หนีเที่ยว มีลูกฝึกลูก มีหลานฝึกหลาน ถ้าฝึกอย่างนี้จะได้ลูกแก้วหลานแก้ว เพราะว่าใจลูกหลาน ใจอยู่ในตัวมากกว่าหนีเที่ยว ก็จะคิดดี พูดดี ทำดี ตามพ่อแม่ปู่ย่าตาทวด ง่ายๆก็อย่างนี้แหละ อยากจะได้ลูกดี อยากจะได้หลานดี เรื่องใหญ่สอนลูกสอนหลานให้เก็บใจเอาไว้ในตัว แล้วก็อย่าไปตามใจมากนัก ตั้งแต่เล็ก ตุ๊กกะตูนตุ๊กตามีให้เล่น ซื้อมาให้ทีละชิ้น อย่าไปซื้อมาให้ทีหอบ อย่าไปตามใจมัน เล่นเสร็จเรียบร้อย เก็บด้วย ถ้ามันเปื้อนมันสกปรกทำความสะอาด แล้วเก็บให้ดีให้เป็นระเบียบ เมื่อใจคุ้นกับความสะอาด ความเป็นระเบียบ ไม่ทิ้งขว้างๆ ใจมันจะสงบ ใจจะนิ่ง ใจไม่ตะเกียกตะกายหนีออกไปนอกตัว

ด้วยเหตุนี้ตั้งแต่เริ่มสร้างวัดพระธรรมกายมา คุณยายท่านจึงตั้งไว้เป็นนโยบายในการสร้างวัด วัดนี้จะต้องฝึกให้ทุกคนที่เข้ามา รักความสะอาดความเป็นระเบียบ แต่ไม่ใช่แค่รักอย่างเดียว  รักที่ทำด้วยมือตัวเองด้วย ไม่ใช่รักอยากจะได้ของสะอาด แต่ฉันไม่ทำหรอกคนอื่นมาทำให้ฉัน อยากจะได้ของที่เป็นระเบียบ แต่ฉันไม่ทำระเบียบ ทิ้ง ๆขว้าง ๆ คนอื่นต้องมาจัดระเบียบให้ฉัน อย่างนั้นไม่ใช่วัดพระธรรมกาย คุณยายท่านนำบุกเบิกมาสร้าง สั่งเอาไว้เลย ทุกคนต้องรักที่จะทำความสะอาดจัดระเบียบด้วยตัวของตัวเอง แล้วใครมาถึงวัดก็ฝึกเขาเช่นกัน ให้รักที่จะทำความสะอาด รักที่จัดระเบียบด้วยตัวเอง และเพราะนโยบายอย่างนี้วัดพระธรรมกายจึงได้โตวันโตคืนมาให้เราได้ใช้เป็นที่บูชาข้าวพระเป็นที่ประชุม ประกอบพิธีกรรมเป็นหมื่นเป็นแสนเป็นล้านกัน

วิธีฝึกใจไม่ให้ออกนอกตัว มีสติรู้ตัว ใจใส ใจมีพลัง

เรามาจากสะอาดระเบียบ เพราะสะอาดระเบียบจะช่วยให้ใจเราไม่หนีออกไปนอกตัว และการทำความสะอาด การจัดระเบียบเป็นการฝึกใจให้เชื่องอยู่ในตัว ลองสังเกตตัวเองดูก็ได้ เช้าไหนตื่นขึ้นมาทั้งๆที่เมื่อคืนนี้นอนเต็มอิ่ม ตื่นมาอารมณ์ก็ดีเพราะว่าอยู่ในอู่ทะเลบุญ ตอนลุกขึ้นมาแล้วออกจากห้องนอน แค่เจออะไรที่ไม่สะอาด เจออะไรที่ไม่เป็นระเบียบ แค่ห้องน้ำใครเข้าก่อนแล้วไม่ได้เช็ดให้แห้ง แปรงสีฟัน ยาสีฟันวางไว้ผิดที่ ใจที่สดชื่นเพราะนอนอยู่ในอู่ทะเลบุญมาทั้งคืน เจอแค่นี้เท่านั้นแหละ ใจชักจะไม่ค่อยดีซะแล้ว ชักกระเพื่อมแล้ว แต่ว่าถ้าตื่นขึ้นมารอบตัวเลย ในห้องนอนก็ทุกอย่างก็สะอาดระเบียบ ไปห้องน้ำก็สะอาดก็ระเบียบ เสร็จจากห้องน้ำเข้าห้องครัวทุกอย่างในครัวก็สะอาดก็ระเบียบ ใจก็ยังใส ต้องออกไปทำงานนอกบ้าน แต่งเนื้อแต่งตัวเสร็จ อุปกรณ์แต่งเนื้อแต่งตัวก็ระเบียบอยู่ในที่ ใจก็ยังใส แต่พอขึ้นรถเท่านั้น ออกมาไปเจอที่ไม่เป็นระเบียบสักหน่อยเดียว รถแซงหน้าแซงหลังกันนิดเดียวเดี๋ยวโอกาสใจให้ขุ่นจะมา ที่ขาดระเบียบอะไร ที่ไม่สะอาดฟ้องว่าเจ้าตัวใจเขาไม่รักสะอาดไม่รักระเบียบเท่าที่ควร คน ๆ นั้นเข้าใกล้แล้วจะรู้ว่าเจ้าคน ๆ นี้ ใจไม่ค่อยอยู่ในตัวหรอก ถ้าคุ้นกันก็ช่วยเตือน ให้หัดเก็บใจไว้ในตัว ไม่ว่าจะทำอะไร ตั้งแต่ปู่ย่าตาทวด เตือนมา ว่า  4-5 คำจะก็ให้หยุด แล้วจะไม่อ้วนไม่ผอมสุขภาพดีตลอดกาล 4-5 คำ จะอิ่มได้นะ ใจมันอยู่ในตัว อยู่กับคำข้าวที่เคี้ยวอยู่ ถ้าอย่างนี้กลายเป็นว่าแม้ในการกินข้าวก็เป็นบทฝึกสติให้ใจอยู่ในตัวได้ ขัดห้องน้ำห้องท่า ก็เอาใจเก็บไว้ในตัว เหนื่อยก็เหนื่อย แต่ว่าไม่หน่ายที่จะทำ เพราะว่าทำแล้วใจมันสบาย แม้ในห้องน้ำนั้น ก็มาเอาของไม่สะอาดไปทิ้ง แต่ถ้ามี ทำไปก็ใจอยู่ในตัว เหนื่อยแต่ไม่หน่ายใจ เมื่อเป็นอย่างนี้ไม่ว่าทำอะไร ก็รักษาใจเอาไว้อยู่ในตัวอย่างนี้ที่หลวงปู่ท่านบอกว่า ใจหยุดวันนึงไม่ยากหรอก จะไปยากอะไรล่ะก็เพราะเราได้เก็บใจเอาไว้ในตัวอยู่แล้ว พอหลวงปู่บอกว่าองค์พระเอาดวงแก้วไปวางไว้กลางท้อง พูดขาดคำก็ทำได้ ก็อยู่ตรงนี้เอง


เข้าวัดนานแล้วทำไมไม่เห็นองค์พระภายในตัวสักที

หลวงพ่อบอกว่า ...วันนี้วันอาทิตย์ต้นเดือน(1สิงหาคม 2564) เราร่วมกันบูชาข้าวพระมาตลอดได้บุญใหญ่ ได้นั่งสมาธิตลอดการบูชาข้าวพระ ก็ขอให้รักษาใจเอาไว้ในตัว แม้ไม่อยู่ในศูนย์กลางกายก็ขอให้อยู่ในตัวเถอะ แล้วเราจะสามารถทบทวนบุญที่เราทำเก่า ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ทบทวนได้ ที่จะตั้งใจทำใหม่ก็วางผังได้ไม่ยากเพราะว่าใจยังใสอยู่ตลอดเวลา ทำอย่างนี้เรียกว่าตรึกอยู่ในบุญ แล้วก็จะอธิษฐานให้บุญส่ง เป็นยังไง ก็เลือกอธิษฐานให้ตนเองก่อน เรารู้อย่างนี้ทำอย่างนี้ได้ เพราะตั้งแต่เล็กพ่อแม่เขาอบรมเรามาดี ทั้งสะอาดทั้งระเบียบมาดี เจอครูก็เจอครูดีที่โรงเรียน ท่านฝึกเราเสริมเรามาให้ความรู้เรามา มาวัดก็มาเจอยายมาเจอคำสอนของหลวงปู่ มาเจอครูไม่ใหญ่ มาเจอหมู่คณะที่รักสะอาดรักระเบียบรักเก็บใจไว้ในตัว ทบทวนอย่างนี้ ก็เป็นบุญ และตั้งใจให้ยิ่งๆไปกว่านี้ ก็เป็นบุญใหม่ ถ้าเราทำกันอย่างนี้ บุญเกิดทุกนาที ยิ่งกว่านั้นอยากจะชี้ให้ดูสักนิดนึงหลายท่านที่บอกว่า เข้าวัดมานานแล้ว แต่ว่าองค์พระก็ยังไม่ชัดสักทีดวงแก้วธรรมชาติสักทีนั่งสมาธิแต่ละครั้งนี้จะได้บุญไหม อยากจะชี้ให้ดูตรงนี้ องค์พระยังไม่ชัด ดวงแก้วยังไม่เห็นแต่ว่าดูตรงนี้ การที่ประคองใจอยู่ในตัว นึกองค์พระนึกดวงแก้วถึงยังไม่เห็น แต่ที่ประคองใจอยู่ในตัวไว้ได้อย่างนั้นน่ะ สัมมาอะระหังอยู่อย่างนั้น มันคืออะไร

ความชั่วเก่าไม่ได้ช่องแทรกเข้ามาในใจ ความชั่วใหม่ก็ไม่คิดจะทำ ทำไมล่ะ ก็ใจยังไม่อยู่นอกตัว เมื่อเป็นอย่างนี้ได้ชื่อว่า ละชั่วไปเรียบร้อยแล้ว ขนาดนั้นที่ประคองใจเอาไว้ไม่ให้หนีเที่ยว ประคองใจสัมมาอะระหัง ประคองใจนึกองค์พระนึกดวงแก้ว ได้ชื่อว่าละชั่วไปโดยปริยายแล้ว และความที่พยายามจะให้ใจนิ่งเพื่อให้ใจใส ก็เป็นการพยายามทำความดีอยู่แล้ว เราจึงละชั่วทำดี ทำไปแล้วเหลือแต่ยังไม่ใส ทำไมยังไม่ใส รู้ได้อย่างไร ก็ถ้าใสก็เห็นองค์พระเห็นดวงแก้วออกมาสิ แล้วทำไมไม่ใส ตรงนี้เพียงว่าเทคนิคในการวางใจยังไม่ค่อยดี ก็ปรับเทคนิคเอาซิ จำได้ไหม รุ่นเก่านึกถึงคำหลวงปู่เอาไว้ หลวงปู่บอกว่า เวลานึกถึงดวงแก้วนึกถึงองค์พระ เริ่มต้นอย่าลืมนะ พอถึงฐานที่สามต้องเหลือกตาช้อนมองย้อนกลับเข้าไปข้างใน ทำไมล่ะ จะได้ไม่จ้องไง เหลือกตาช้อนมองย้อนกลับเข้าไปข้างในองค์พระ ดวงแก้ว จรดที่ปากช่องจมูก ฐานที่ 1 เลื่อนไปทางที่ 2 พอจะเข้าฐานที่ 3 กลางกะโหลกนั่นให้เหลือกตามองย้อนกลับเข้าไปข้างใน เพื่ออะไร เพื่อจะได้ไม่จ้องไงล่ะ แต่พอเราเลื่อนไปฐานที่ 4 ที่ปากช่องคอ ไม่จ้องแล้วทีนี้ กลับเข้าไปอยู่ข้างใน ฐานที่ 4 เป็นการกำหนดนึกด้วยใจ ไม่มีการจ้อง ไม่มีการเกร็งใดๆทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นพอเลื่อนไปที่ฐานที่ 4 ที่ 5 ที่ 6 ที่ 7 ก็ไม่มีการเครียดการเกร็งใดๆทั้งสิ้น มาถึงที่วัดพระธรรมกาย ทำไมพระอาจารย์แต่ละท่านไม่บอกให้เหลือกตาช้อนมองย้อนกลับเข้าไปข้างใน เหมือนที่หลวงปู่ให้ทำล่ะ บอกแต่ว่าอย่าบีบเกร็งผนังตา ให้ทำตาปรือ ๆ ทำไมไม่พูดตามที่หลวงปู่บอกไว้ ทำไมมันมีความจำเป็น ถ้ามันมีความจำเป็นว่าจะพูดเรื่องนี้มานานแล้วแต่ไม่มีโอกาสพูด ไม่ใช่ไม่เคารพหลวงปู่ แต่ว่าฝากไว้นะ เรานั่งสมาธิพร้อมกันในสภาธรรมกาย ได้กันเป็นแสน บางทีก็สองแสน ยิ่งพร้อมๆกันอยู่ที่ลานมหาธรรมกายเจดีย์ ตั้งหลายแสนคน ถ้าพอนำนั่งสมาธิบอกให้เหลือกตาช้อนมองย้อนกลับเข้าไปข้างในพร้อมๆกันแสนคนหลายแสนคน ใครเขาถ่ายภาพหลุดออกไปแล้วมันจะเป็นยังไง เดี๋ยวเขาจะมาว่าวัดพระธรรมกาย ทำอะไรกันอยู่ สอนให้ลูกศิษย์เหลือกตาช้อนกันเป็นแสน ๆ เดี๋ยวจะเข้าใจผิดกันตรงนี้ไป ก็เลยต้องปรับนิดหน่อย

เมื่อกำหนดนึกถึงองค์พระ ดวงแก้ว ต้องทำตาปรือ ๆ เพียงว่าให้ความสว่างพอจะรอดเข้ามาได้ แต่ว่าไม่เห็นอะไรหรอกข้างนอก ไม่ได้เห็นข้างนอก แต่ปรือ ๆ เพื่อไม่ให้ผนังตานะมันเน้นมันกด เรื่องของเรื่องมาอยู่ตรงนี้ แต่บอกให้เหลือกตาช้อนเข้าไปข้างในตรงฐานที่ 3 พร้อมกันแสนคนละเดี๋ยวเป็นเรื่องเลย ก็แค่นี้แหละ ไม่ใช่ลูกศิษย์นอกครู แต่ว่าก็ปรับตามสถานการณ์ เพราะฉะนั้นนะขอให้ตั้งใจทำไป รู้ตัวเมื่อไหร่ว่าใจมันอยู่นอกตัว ก็นึกแวบกลับเข้ามาในตัวทันที ถ้าอยู่ลำพัง ๆ ก็นึกช้อนหลับตาเหลือกตาช้อนมองย้อนกลับที่หลวงปู่สอนไว้ก็ได้ อยู่ลำพัง ๆ อย่างนั้น ถ้าอยู่พร้อมกันเป็นหมื่นเป็นแสน อย่าไปทำเชียวนะ เดี๋ยวภาพถ่ายมันออกมาแล้วมันยุ่ง รู้สึกตัวว่าใจไม่อยู่ในตัว นึกตะปบเดี๋ยวใจ กลับมาซะดีๆ กลับมาอยู่ในตัว รู้ตัวเมื่อไหร่ก็ตะปบ กลับมาเรียกมาเอามาไว้ในตัว ไม่ว่าจะอยู่ในออฟฟิศที่ทำงาน จะอยู่ในบ้านของตัวเอง จะทำอะไรก็ตาม เราสามารถเก็บใจไว้ในตัวได้ ตำรวจเขาไม่จับหรอก แต่เอาใจมาไว้ในตัวได้ กายจะเบาใจจะเบาเองโดยอัตโนมัติ การคิดดีพูดดีทำดี ก็จะเกิดอย่างต่อเนื่อง เราจะได้ไม่เผลอไปอนุโมทนาบาปกับใคร โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านที่เป็นผู้ใหญ่วาระนี้ลูกหลานกำลังต้องการกำลังใจ เพื่อนบ้านต้องการกำลังใจ ช่วยเก็บรักษาใจเอาไว้ในตัวให้ดี จะกำหนดพระได้ ดวงแก้วได้ หรือไม่ได้ก็ตามที ทุกครั้งที่รู้ตัว ไม่ว่าอยู่คนเดียวหรืออยู่กันหลายคน รู้ตัวว่าใจอยู่นอกตัวเราก็ใช้ตำราหลวงปู่ อะไรก็ได้ เหลือกตาช้อนมองย้อนกลับเข้ามาข้างในปัป ใจจะกลับมาเลย 

ส่วนท่านที่เขาคุ้นอีกอย่างนั้น เขากำหนดลมหายใจ เขาจะพุทโธ เขาจะพองหนอยุบหนอ นั่นก็เป็นเรื่องของการคว้าใจกลับมาในตัวด้วยกัน นั่นคือการฝึกสติ นั่นเป็นการละชั่ว เป็นการพยายามละชั่ว เป็นการพยายามทำดี เป็นการพยายามทำใจใส ตรงตามหลักของพระพุทธศาสนาที่ว่าในศาสนานี้มีอยู่ 3 ประการคือ ละชั่ว ทำดี ทำใจให้ใส ก็ทำกันง่ายอย่างนี้แหละ ว่า การละชั่ว ทำดี ทำใจให้ใสนั้น ไม่ใช่จะทำได้เฉพาะนั่งขัดสมาธิหลับตาอยู่หน้าห้องพระเท่านั้น ที่ไหนก็ทำได้ถ้ารู้จัก รู้ตัวเมื่อไหร่ใจอยู่นอกตัว เหลือกตาช้อนมองย้อนกลับ ใจก็อยู่ในตัวแล้ว ท่านที่คุ้นในการกำหนดลมหายใจ รู้ตัวปัปก็กำหนดเข้ากลางท้อง ถึงที่สุดลมหายใจของเรา ใจก็เข้าไปอยู่ที่นั้น แต่อยู่ไม่นานจะหนี ถ้าหนีเราก็ตาม ทำอีกที ทำถี่ ๆ เข้า หนักเข้า ใจก็เชื่องเอง เมื่อใจของเราอยู่ในตัว หลวงปู่ยืนยันด้วยแล้วว่า  เมื่อใจอยู่ในตัวบุญจะเกิด เช่น พระอรหันต์ ใจอยู่ในตัวตลอด อยู่ที่ศูนย์กลางกายของท่านเลย

อัตตาหิอัตโนนาโถ : ผลิตบุญเติมบุญให้กับโลกนี้อย่างไร

เพระฉะนั้น พระอรหันต์ทุกพระองค์ ท่านคือ ศูนย์ผลิตบุญของโลกเลยแหละ ท่านผลิตบุญให้ตัวท่านเองด้วย และก็พร้อมแจกให้ชาวโลก ใครมาเอาบุญกับท่าน ก็บุญเยอะ แต่พวกเราเป็นลูกศิษย์ กำลังฝึกตัวอยู่ ยังเอามาไว้ที่ศูนย์กลางกายได้ แตไม่ตลอด เดี๋ยวอยู่เดี๋ยวไป อย่างไรก็ตามที ก็ถือว่าเป็นโรงผลิตบุญผลิตไฟฟ้าย่อยก็แล้วกัน ยังผลิตไปเลี้ยงใครได้ไม่มาก ก็ผลิตไว้เลี้ยงตัวเอง ผลิตเอาไว้ก็เลี้ยงให้ใจใสเอาไว้ คนรอบข้างจะไม่มีทุกข์เพราะเรา ยิ่งโควิดอยู่ใกล้คนมีบุญอย่างเรา อยู่ได้เครื่องผลิตบุญขนาดย่อยอย่างเรา เขาก็ยังพอมีกำลังใจได้เห็นหน้าใส ได้ยินเสียงใสๆ ได้เห็นกิริยาอาการใสๆ ว่ามีความจริงใจที่จะช่วยดูแลเขา ไม่ทิ้งกันยามยาก เพียงแค่นี้ที่เขาป่วยก็มีกำลังใจที่จะหายแล้ว ถ้าเราช่วยกันอย่างนี้นี่แหละอัตตาหิอัตโนนาโถเกิดแล้วตนเป็นที่พึ่งแห่งตน เกิดแล้วแถมยังเป็นที่พึ่งให้กับคนรอบข้างได้อีกด้วย และเมื่อเราช่วยกันทำอย่างนี้ สมาชิกของวัดพระธรรมกายทั่วโลกทำกันอย่างนี้ ก็กลายเป็นว่าไม่ว่าเราอยู่ที่ไหน เรากำลังผลิตอะไร ผลิตบุญเพิ่มให้กับโลกนี้ หลวงปู่คุณยายบอกไปแล้ว ทั้งโลกนี้มีอยู่แค่บุญกับบาป เมื่อโรคระบาดกระจาย บทสรุปที่ง่ายที่สุดที่จะแก้ไขคือก็ช่วยกันเติมบุญก็ไปสิเติมยังไงเล่า เมื่อเช้าตั้งแต่เช้ามาเราก็เติมได้ด้วยการบูชาข้าวพระมาแล้ว ที่ผ่านมาช่วยเหลือเพื่อนบานก็ช่วยมาแล้ว แต่ว่ายังมีอีกอย่าง หมั่นเก็บใจเอาไว้ในตัว ไม่ให้หนีเที่ยว นี้คือ การเป็นทั้งการช่วยตนเอง เป็นการเติมบุญด้วยตนเอง แล้วบุญนี้ก็เฉลี่ยไปช่วย ว่า บุญนี้เพิ่มขึ้นแล้ว ช่วยกันทำอย่างนี้แหละ และนี้คือ ที่มาว่า แม้การขยัน ๆ ช่วยกันตามเพื่อนบ้านมาสวดพระธรรมจักรด้วยกัน ช่วงสวดพระธรรมจักร ตั้งใจสวดเท่าไร ใจก็อยู่ในตัว และใจอยู่ในตัวเท่าไร บุญก็เกิดมากเท่านั้น
 

บุญเกิดมากเท่าไร ก็คือการเติมบุญให้ตนเองด้วย เติมบุญให้โลกโดยเฉลี่ยด้วย บรรยากาศแห่งการสงบ ความเย็นก็เกิด ใครที่ไม่รู้ โลภจัดจนเกินไป เห็นเราทำอย่างนี้ ก็คงได้คิดมั่ง แต่ที่โลภจัดหนักหนาสาหัส หากพูดไม่เกรงใจ คือ เดี๋ยวก็จะกัดกันเอง  ส่วนเราก็อย่าไปกัดกับเขา เอาแต่สวดมนต์ นั่งสมาธิของเรา และก็เติมบุญไป ช่วยใครได้ช่วยกันไป คงไม่นานเกินรอ เดี๋ยวโควิดก็หายไป หายไปด้วยอำนาจแพทย์เขาด้วย เพราะแพทย์จะทำอย่างนั้น เขาก็ใจจรดใจจ่อ อยู่ในตัว โดยที่เขาก็ไม่รู้ตัวแต่เขาก็ได้ทำแล้ว เมื่อช่วยกันอย่างนี้ ไม่มีคนเห็นแก่ตัว ไม่มีคนหาประโยชน์จากคนป่วยไข้กับชาวโลกอย่างนี้ เราก็สู้โควิดได้ สู้ได้ด้วยบุญ สู้ได้ด้วยอะไร สู้ได้โดยการทำใจหยุด ใจนิ่ง ช่วยได้ด้วยอะไร ช่วยได้โดยการขยันตะปบใจไว้ในตัว ช่วยได้ด้วยอะไร ช่วยได้ด้วยอัติตาหิอัตโนนาโถ ทุกคนช่วยผลิตบุญให้กับตนเองแบบนี้ โลกเราไปได้ ถือว่าวันนี้ เป็นวันอาทิตย์ต้นเดือนด้วย เป็นช่วงเข้าพรรษาด้วย เป็นช่วงที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า กำหนดให้ทุกคนสร้างบุญให้กับตนเองเต็มที่ เพราะฉะนั้น ก็ขอให้ทุกท่าน สมาชิกวัดพระธรรมกาย สร้างบุญใหญ่กันให้เต็มที่พรรษานี้ เมื่อออกพรรษาทำบุญกันเยอะๆ โควิดก็จะค่อยๆ หายหน้าไปแบบอัติโนมัติด้วยฝีมือของเราด้วย ด้วยฝีมือของทุกคนที่ร่วมกัน ช่วยกันทำโลกให้สะอาด ระเบียบด้วย ทั้งหมอทั้งพยาบาลช่วยกันอย่างนี้ โลกเราไปได้แน่นอน ขอให้อายุมั่นขวัญยืน ผ่านวิกฤตินี้ไปด้วยกันทั้งโลก

ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลและรูปภาพ

6 ความคิดเห็น:

welcome everyone to เล่าเรื่องตามกาลเวลา