ร่วมด้วยช่วยกันแชร์เป็นธรรมทาน

วันจันทร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2565

สติ สัมปชัญญะ : บทที่ ๖ : ตัวอย่างบทฝึกนิสัย : บทฝึกนิสัยตนเองให้มีสติสัมปชัญญะผ่านห้องสุขา

 

สติสัมปชัญญะ | รากฐานการศึกษา

ตอน

ตัวอย่างบทฝึกนิสัย : บทฝึกนิสัยตนเองให้มีสติสัมปชัญญะผ่านห้องสุขา

 

 

 

 


 

 





จากแอดมิน....เราก็เดินทางมาถึงบทสรุปส่งท้ายจริงๆ แล้ว 
ซึ่งแอดก็เคยลงให้อ่านไว้ก่อน ตั้งแต่เริ่มต้นที่แนะนำหนังสือเล่มนี้ ก็กดลิงก์กลับไปอ่านที่เดิมได้เลย
นิสัยดีๆ ในชาติหนึ่งๆ คุณยายฯเคยสอนไว้ว่า กว่าจะแก้ไขาิสัยให้ดีๆ สักอย่างก็ไม่ง่าย ต้องมีกำลังใจมหาศาล สอดคล้องกับคำสอนคุณครูไม่เล็ก คุณครูไม่ใหญ่สอนไว้ว่า ต้องนำใจเก็บไว้ที่กลางกายตลอดเวลา
เมื่อใจผ่องใส ใจก็จะมีพลัง นั้นคือ มีบุญเกิด 
อำนาจบุญกุศล จะทำให้กลั่นใจ กลั่นกายให้สะอาด 
ดูแลรักษาผู้ฝึกตน ทำให้ชีวิตมีแต่ความสงบสุข 
ทำการงานสิ่งใด ก็ประสบผลสำเร็จ ด้วยการพึ่งตนเอง

สมกับคำกล่าวพุทธพจน์ที่ว่า "อตฺตาหิ อตฺตโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน"

วันอาทิตย์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2565

สติ สัมปชัญญะ : บทที่ ๖ : ตัวอย่างบทฝึกนิสัย : บทฝึกตนเองให้มีสติสัมปชัญญะผ่านการเดิน,ผ่านการทำความสะอาดโต๊ะและเก้าอี้นักเรียน

 

สติสัมปชัญญะ | รากฐานการศึกษา

ตอน

ตัวอย่างบทฝึกนิสัย : บทฝึกตนเองให้มีสติสัมปชัญญะผ่านการเดิน


ตัวอย่างบทฝึกนิสัย :

 บทฝึกนิสัยตนเองให้มีสติสัมปชัญญะผ่านการทำความสะอาดโต๊ะและเก้าอี้นักเรียน


ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลและรูปภาพ

สติ สัมปชัญญะ : บทที่ ๖ : ตัวอย่างบทฝึกนิสัย : การทำงานอย่างมีสติสัมปชัญญะ,บทฝึกนิสัยตนเองให้มีสติเก็บไว้ในกาย

 

สติสัมปชัญญะ | รากฐานการศึกษา

ตอน

ตัวอย่างบทฝึกนิสัย : การทำงานอย่างมีสติสัมปชัญญะ

(....ทักทายจากแอดมิน ทุกท่านยังจำได้หรือไม่ว่า สติ สัมปชัญญะ หมายถึง อะไร หากจำไม่ได้ ก็สามารถไปทบทวนบทที่ ๓,๔,๕ อีกครั้ง 
 
ในบททความนี้ หลวงพ่อคุณครูไม่เล็กได้บอกวิธีการฝึก โดยได้ยกตัวอย่างไว้ดังภาพด้านล่าง 
 

ซึ่งท่านจะสอนให้ฝึกที่ละขั้นตอนว่า ควรฝึกอย่างไร



ตัวอย่างบทฝึกนิสัย : บทฝึกนิสัยตนเองให้มีสติเก็บไว้ในกาย

 

ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลและรูปภาพ

วันศุกร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2565

สติ สัมปชัญญะ : บทที่ ๖ : ตอน การออกแบบบทฝึกนิสัย,การใช้บทฝึกนิสัย,การประเมินบทฝึกนิสัย

 


สติสัมปชัญญะ | รากฐานการศึกษา

ตอนที่ ๔,๕,๖

บทฝึกนิสัยตนเองให้มีสติสัมปชัญญะ

: การออกแบบบทฝึกนิสัย,การใช้บทฝึกนิสัย,การประเมินบทฝึกนิสัย 

การออกแบบบทฝึกนิสัย

คุณครู หรือคุณพ่อคุณแม่ผู้ปกครอง หรือครูพระสอนศีลธรรมในโรงเรียน สามารถออกแบบบทฝึกนิสัยได้หลากหลายรูปแบบตามความถนัดของผู้ออกแบบและลักษณะผู้เรียน ดังนี้
          ๑. มีหัวข้อครบตามส่วนประกอบบทฝึก ดังตัวอย่างบทฝึกนิสัยตนเองผ่านการเจริญสติเก็บใจไว้กลางกายบทฝึกนิสัยตนเองให้มีสติสัมปชัญญะผ่านการเดิน บทฝึกนิสัยตนเองให้มีสติสัมปชัญญะผ่านการทำความสะอาดโต๊ะและเก้าอี้นักเรียน
          ๒. ยึดความจริงที่ต้องรีบประพฤติปฏิบัติเป็นหลัก แล้วระบุความจริงกายภาพ-จิตภาพที่ต้องรีบรู้ เพื่อแสดงความเป็นเหตุเป็นผล ในแต่ละขั้นตอนที่ต้องประพฤติปฏิบัติ ดังตัวอย่างบทฝึกนิสัยตนเองให้มีสติสัมปชัญญะผ่านกิจวัตรประจำวันจากการใช้ห้องสุขาด้านท้าย

การใช้บทฝึกนิสัย

          บทฝึกนิสัยสามารถใช้ได้ทั้งในและนอกห้องเรียน ใช้ได้ในกิจวัตรประจำวันทั้งที่บ้าน โรงเรียน สถานที่ต่าง ๆ การนำไปใช้ พ่อแม่ผู้ปกครอง คุณครู ครูพระ ควรฝึกผู้เรียนให้ประพฤติปฏิบัติภายใต้คำแนะนำ ให้กำลังใจ พูดคุยปรึกษากันอย่างสร้างสรรค์ หากจะใช้วิธีลองผิดลองถูก ต้องให้เหตุผลว่าถูก-ผิดเพราะอะไร ควรมีครูกำกับเพื่อป้องกันศิษย์เข้าใจผิด คิดผิด พูดผิด และทำผิด ๆ

การประเมินบทฝึกนิสัย

          บทฝึกนิสัยที่ดีต้องทำให้ผู้เรียน ๑) รู้ชัดความจริงกายภาพ-จิตภาพที่ต้องรีบรู้ รีบประพฤติ ๒) ประพฤติปฏิบัติถูกต้องตรงความจริงนั้นให้เป็นนิสัย พ่อแม่ ครู ครูพระ จึงควรให้ผู้เรียน คือ ลูกหลานเรา ศิษย์ได้ประพฤติปฏิบัติให้ถูกต้องเป็นประจำ ภายใต้การเอาใจใส่ แนะนำ โดยมีพ่อแม่ ครู ครูพระ ประพฤติปฏิบัติเป็นนิสัยดีให้เห็นเป็นแบบอย่าง

สติ สัมปชัญญะ : บทที่ ๖ : ตอน ความหมายบทฝึกนิสัย,ส่วนประกอบบทฝึกนิสัย

 


สติสัมปชัญญะ | รากฐานการศึกษา

ตอนที่ ๒,๓

บทฝึกนิสัยตนเองให้มีสติสัมปชัญญะ

: ความหมายบทฝึกนิสัย,ส่วนประกอบบทฝึกนิสัย

 ความหมายบทฝึกนิสัย

          บทฝึกนิสัย คือ ข้อกำหนดให้ปฏิบัติกิจนั้นเป็นประจำ จะละเว้นมิได้ เพราะถูกต้องตามคำสอนของผู้รู้จริงจนผู้ปฏิบัติด้วยตนเองเกิดความเคย คุ้น ชิน ติด เป็นนิสัยประจำตน

ส่วนประกอบบทฝึกนิสัย

          บทฝึกนิสัยมีส่วนประกอบสำคัญ ดังนี้
          ๑. วัตถุประสงค์ เป็นการระบุว่าจะต้องประพฤติปฏิบัติอะไรเพื่อให้เกิดคุณธรรม นิสัย หรือรู้ชัดความจริงอะไร การเขียนวัตถุประสงค์จะเขียนที่ชื่อบทฝึกนิสัยก็ได้หรือเขียนแยกเป็นหัวข้อก็ได้
          ๒. ความจริงกายภาพที่ต้องรีบรู้ เป็นการสรุปสาระสำคัญความจริงกายภาพที่ต้องรีบรู้ เขียนในรูปของสูตรสมการ ข้อความสำคัญ เพื่อผู้เรียนสามารถจับสาระสำคัญได้ถูกต้อง จดจำได้ง่าย คิดใคร่ครวญความเป็นเหตุเป็นผล ก็จะรู้เข้าใจว่าทำไมจึงต้องเรียน และจะนำไปใช้ในชีวิตจริงได้อย่างไร
          ๓. ความจริงจิตภาพที่ต้องรีบรู้ เป็นการสรุปสาระสำคัญความจริงจิตภาพที่ต้องรีบรู้ เขียนในรูปของคำ วลีประโยค ข้อความสำคัญที่จัดเรียงลำดับตามความลุ่มลึก เพื่อผู้เรียนสามารถสังเกตเห็น จดจำ คิด รู้ได้เข้าใจง่ายมีความเชื่อมโยงกับความจริงกายภาพที่ต้องรีบรู้ ความจริงที่ต้องรีบประพฤติอย่างไร จึงรู้ชัดเหตุผลว่าทำไมจึงต้องประพฤติปฏิบัติ
          ๔. ความจริงที่ต้องรีบประพฤติปฏิบัติ ประกอบด้วย ๔ ส่วนสำคัญ คือ
                 ๔.๑ มีสติเก็บใจไว้ในกาย
                 ๔.๒ มีสัมปชัญญะ สังเกต เห็น จำ คิด รู้ เกี่ยวกับตนเอง
                 ๔.๓ มีสัมปชัญญะ สังเกต เห็น จำ คิด รู้ เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ๕
                 ๔.๔ ประพฤติปฏิบัติอย่างมีสติสัมปชัญญะ
          ๕. ผลการประพฤติปฏิบัติ ระบุความจริงที่เกิดขึ้นจากการประพฤติปฏิบัติเมื่อทำถูกต้องเป็นประจำแล้วว่าเป็นอย่างไร หากผู้เรียนยังทำไม่ได้ ต้องติดตามช่วยชี้แนะแก้ไขข้อบกพร่องค่อย ๆ ให้กำลังใจ และพัฒนาจนกว่าจะทำได้เองเป็นนิสัยติดตัวไป 
 

วันพฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2565

สติ สัมปชัญญะ : บทที่ ๖ : บทฝึกนิสัยตนเองให้มีสติสัมปชัญญะ ตอน ความหมายนิสัย

 


สติสัมปชัญญะ | รากฐานการศึกษา

ตอนที่ ๑

บทฝึกนิสัยตนเองให้มีสติสัมปชัญญะ : ความหมายนิสัย

ความหมายนิสัย

          นิสัย คือ ความประพฤติที่เคยชินจนติด หมายความว่า เป็นการกระทำที่ทำบ่อย ๆ ซ้ำ ๆ จนเคย คุ้น ชิน แล้วติด ฝังใจว่าจะต้องทำเช่นนั้นอีก
          เคย เป็นการได้เห็น ได้ฟัง ได้ดม ได้ลิ้มรส ได้จับต้องสัมผัส ด้ทำ ได้ลอง เป็นครั้งแรก เรียกว่า เคย การทำอะไรครั้งแรก คือ สร้างความเคย
          คุ้น เป็นการสร้างความเคยหลาย ๆ ครั้ง เช่น เคยตื่นนอน ๐๔.๓๐ น. แม้วันต่อ ๆ มาก็ตื่นเวลานี้ จึงคุ้นกับการตื่นนอน ๐๔.๓๐ น.
          ชิน เป็นความคุ้นที่ทำหลาย ๆ ครั้ง กระทั่งกลายเป็นความชิน
          ติด เป็นความชินที่ทำเป็นประจำจนติดแน่นฝังเข้าไปในใจว่าจะต้องทำเช่นนั้นอีก
          การกระทำที่ทำบ่อย ๆ ซ้ำ ๆ แม้เคย คุ้น ชิน หากยังไม่ติดฝังใจก็ยังไม่เป็นนิสัย ต่อเมื่อติดแน่นฝังใจว่าจะต้องทำเช่นนั้นอีกให้ได้ หากไม่ได้ทำอีกจะรู้สึกหงุดหงิด เช่น ผู้มีนิสัยสวดมนต์ทำวัตรเช้าก็จะต้องทำทุกเช้า ไม่ต้องมีใครมาเตือน หากวันใดไม่ได้ทำจะรู้สึกหงุดหงิด ไม่สบายใจ เหมือนชีวิตขาดอะไรบางอย่าง แต่ละวันจึงต้องหาโอกาสทำให้ได้ นิสัยต่าง ๆ ของเราก็เกิดจากการประพฤติของตัวเรามาเป็นลำดับ ดังภาพที่ ๑๖
 

 

วันจันทร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2565

สติ สัมปชัญญะ : บทที่ ๖ : การศึกษาขาดครูดีไม่ได้ : หน้าที่ครูดี

 


สติสัมปชัญญะ | รากฐานการศึกษา

ตอน

การศึกษาขาดครูดีไม่ได้  

หน้าที่ครูดี

          ครูดีจึงต้องเข้ามามีบทบาทหน้าที่ในการจัดการศึกษาให้ถูกต้องแท้จริงให้สมกับความเป็นครู ผู้ควรแก่การเคารพกราบไหว้บูชาของศิษย์ ไม่ว่าจะเป็นครูดีโดยธรรมชาติ คือ พ่อแม่ ผู้ปกครอง หรือครูดีโดยอาชีพ คือ ครูที่โรงเรียนและสถานศึกษา หรือว่าครูดีโดยขนบธรรมเนียมประเพณี คือ ครูที่วัด ซึ่งได้แก่พระภิกษุและนักบวชในศาสนาต่างต้องเข้ามาทำหน้าที่ครูดีให้ถูกต้องตรงตามความจริง ดังที่ท่านผู้รู้จริงได้สรุปและให้หลักการสำหรับถือปฏิบัติให้เชี่ยวชาญ ๓ ประการ คือ
          ๑. ละเว้นความประพฤติชั่วทั้งปวง คือ ไม่ทำความชั่วทุกชนิดทั้งทางกาย วาจา ใจ ให้เต็มความรู้ความสามารถ
          ๒. ประพฤติความดีทั้งทางกาย วาจา ใจ ให้เต็มความรู้ความสามารถ
          ๓. ทำใจของตนให้ผ่องใส คือ มุ่งกำจัดทำลายโรคประจำใจ ๓ ประการ ได้แก่ โลภะ โทสะ โมหะ ให้หมดสิ้นเด็ดขาดอย่างเต็มความรู้ความสามารถ ด้วยการภาวนาเก็บใจไว้ที่ศูนย์กลางกายเป็นนิจให้ได้
          การประพฤติปฏิบัติตามหลักการ ๓ ประการนี้ แม้ครูต้องผจญกับอุปสรรคมากน้อยเพียงใด แต่เพื่อประโยชน์สุขอย่างถาวร คือ การกำราบปราบปรามความจริงน่าตระหนกประจำโลกที่ถูกมองข้าม ๔ ประการ และเป็นต้นแบบแก่เหล่าศิษย์ผู้น่ารักของท่าน ท่านก็ยอมกัดฟันทน
          ความเป็นครูดี จึงมิได้อยู่ที่มีตำแหน่งวิชาการ มิใช่อยู่ที่ตำแหน่งบริหาร มิใช่อยู่ที่ความมีชื่อเสียงของสถาบันการศึกษาที่ครูทำงาน มิใช่อยู่ที่เงินเดือนสูง ๆ มิใช่อยู่ที่ความร่ำรวย ตลอดจนมิใช่มีความก้าวหน้าทันสมัยทางเทคโนโลยี แต่ความเป็นครูดีกลับอยู่ที่ความมีวิญญาณแห่งความเป็นครูต่อลูกศิษย์ของท่านและคนทั่วไป กล่าวคือ
          ๑. ครูดีย่อมไม่ยอมให้ลูกศิษย์ทำชั่วทุกชนิดทั้งต่อหน้าและลับหลัง จึงทั้งพร่ำสอน พร่ำทำให้ดูเป็นแบบอย่าง ว่า ถูก-ผิด ดี-ชั่ว บุญ-บาป ควร-ไม่ควร คุณ-โทษ ประโยชน์-มิใช่ประโยชน์ เหมาะสม-ไม่เหมาะสม สะดวกสบาย-ลำบาก โง่-ฉลาด เป็นอย่างไร เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร มีผลต่อตนเอง-ส่วนรวมอย่างไร ทั้งปัจจุบัน-อนาคต ศิษย์แต่ละวัยแต่ละชั้นเรียนมีความชั่วอะไร ที่ต้องขนาบแล้วขนาบอีก ให้ห่างไกลเว้นขาด แม้ความชั่วในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ
          ๒. ครูดีย่อมแนะนำส่งเสริมให้ลูกศิษย์ตั้งอยู่ในความดี ความดีที่ลูกศิษย์แต่ละเพศวัยชั้นเรียน จะต้องรีบรู้ รีบประพฤติมีอะไรบ้าง ครูดีต้องวิเคราะห์นำมาจำแนกสั่งสอน ฝึกฝนลูกศิษย์ประพฤติปฏิบัติให้ถูกต้อง ครบถ้วนกระบวนการของการทำความดีนั้น ๆ พร้อมทั้งอธิบายขยายความให้เหตุให้ผลตามหลักความจริงกายภาพและจิตภาพ อีกทั้งให้โอกาสลูกศิษย์ชักถามได้อย่างเต็มที่ เพราะครูดีย่อมประพฤติปฏิบัติตั้งตนอยู่ในความดีเป็นนิจ กระทั่งเป็นนิสัยดีประจำตัวครูดีอยู่แล้ว จึงไม่มีอะไรจะต้องปิดบังให้ลูกศิษย์เคลือบแคลงสงสัย แต่พร้อมเป็นต้นแบบที่ดีให้ดูอยู่แล้วทุกเวลา
          ๓. ครูดีย่อมแนะนำส่งเสริมลูกศิษย์ให้หมั่นทำใจให้ผ่องใสเป็นนิจ การฝึกฝนให้ลูกศิษย์มีสติมั่น หมั่นเก็บใจไว้กลางกายเป็นนิจ เป็นกิจเป็นหน้าที่สำคัญอย่างยิ่งของครูดี ที่จะต้องทำอย่างเคร่งครัดและเร่งด่วน เพราะใจที่ประคองเก็บรักษาไว้มั่นเป็นนิจตรงกลางกายเท่านั้น จึงผ่องใสเต็มที่และมีกำลังใจสูงสุด เหมาะที่จะใช้หักห้ามใจให้ละเว้นการกระทำชั่วทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นการทำชั่วทางกาย วาจา หรือใจ ในทางตรงข้ามก็มีกำลังใจสูงสุดเหมาะในการทำความดีทั้งทางกาย วาจา และใจอีกด้วย ยิ่งกว่านั้น ใจที่ผ่องใสอยู่กลางกายเป็นนิจนี้ยังเป็นเหตุให้ใจสว่าง สามารถเห็นและรู้ความจริงของสิ่งต่าง ๆ ที่ผ่านมาทางประสาทสัมผัสทั้ง ๕ คือ ตา หู จมูก ลิ้น และกาย ได้ชัดเจนถูกต้องมากที่สุด อันเป็นที่มาของการจำ การคิด การรู้ทั่วอย่างถูกต้อง คือก่อให้เกิดปัญญาแก่ผู้นั้นได้ง่าย ทั้งปัญญา ระดับรู้จำ ระดับรู้ขบคิด และหากฝึกใจให้หยุดนิ่งไว้กลางกายกระทั่งชำนาญ ย่อมเกิดการรู้เห็นจากความสว่างภายใน เรียกว่า ญาณทัสสนะ ในระดับใดระดับหนึ่งได้ด้วย
          ผลจากการทุ่มเทพัฒนาแก้ไขตนเองเพื่อเป็นต้นแบบทำความดีให้แก่ศิษย์ และการขนาบศิษย์แล้วขนาบอีกชนิดไม่ยั้งมือ ไม่ยอมเลิก สิ่งที่ครูจะได้รับทันทีโดยอัตโนมัติแก่ตนเอง ก็คือ เป็นผู้มีปัญญา มีความบริสุทธิ์ และมีความกรุณาตามท่านผู้รู้จริงทั้งหลายในอดีตอย่างแน่นอน
          เพราะหาครูดีมีความรู้ความสามารถในการเก็บใจไว้กลางกายได้ยาก เยาวชนของแต่ละชาติจำนวนมากจึงไม่ได้รับการถ่ายทอดความรู้ที่สำคัญ ส่งผลให้ขาดสติสัมปชัญญะปล่อยใจตนเองออกนอกกายเป็นนิจ ใจของเขาเหล่านั้นจึงขุ่นมัวเป็นปกติ เห็นผิดเป็นถูก เห็นถูกเป็นผิดเป็นปกติ ใจหมดภูมิต้านทานความชั่วเป็นปกติ มีกำลังในการทำความดีอ่อนล้าเป็นปกติ จึงมีปัญหาเยาวชนวัยรุ่นจมอยู่กับอบายมุขชนิดต่าง ๆ ทั้งติดยาเสพติดให้โทษ ยกพวกทำร้ายกันเป็นเรื่องปกติทุกประเทศทั่วโลก ด้วยเหตุนี้จึงกล่าวว่า โลกกำลังโหยหาครูดี
          วันนี้หากศิษย์คนใดมีวาสนาดี ได้พบครูดีประเภททุ่มเทชีวิตจิตใจขนาบแล้วขนาบอีกให้ลูกศิษย์เว้นชั่วพร่ำสอน ฝึกฝน อบรม ให้ลูกศิษย์เคย คุ้น ชิน ต่อการทำความดี จ้ำจี้จ้ำไชให้ลูกศิษย์หมั่นเก็บใจไว้ในกายให้ใจผ่องใสเป็นนิจก่อน แล้วจึงถ่ายทอดวิชาการทั้งกายภาพและจิตภาพให้ แม้เป็นศิษย์ของท่านเพียงวันเดียวก็พึงเคารพกราบไหว้
บูชาท่านจนตลอดชีวิตเถิด เพราะเพียงได้เห็นได้ยินคำสอนของท่าน แม้ไม่มีโอกาสซักถามท่านอย่างจริงจังก็สามารถยึดถือท่านเป็นต้นแบบความประพฤติดี เพื่อปิดนรกเปิดสวรรค์ เบิกทางแห่งความสุขความเจริญให้แก่ตนได้แล้ว
          พระคุณของท่านแม้เพียงเท่านี้ เราก็ไม่อาจจะหาสิ่งใดมาตอบแทนบุญคุณท่านได้แล้ว ศิษย์ทั้งหลายจึงพึงเคารพนอบน้อมบูชาคุณท่านตลอดกาลนาน
          ครูดีท่านจึงจัดการศึกษาให้แก่ศิษย์โดยยึดสติสัมปชัญญะเป็นแกนกลาง ดังภาพที่ ๑๕



          จากภาพที่ ๑๕ สติสัมชัญญะเป็นคุณธรรมกำกับใจของครูดีและศิษย์ให้อยู่ภายในกาย ใจจึงผ่องใส มีพลัง ที่จะขบคิดกระทั่งรู้ชัดความจริงกายภาพ-จิตภาพที่ต้องรีบรู้ รีบประพฤติ เมื่อต้องประพฤติปฏิบัติก็มีสัมปชัญญะรู้ตัว ทำอย่างเหมาะสมรอบคอบ ถูกต้องตรงตามความจริง ทำด้วยใจที่เบิกบาน แช่มชื่น อารมณ์ดีอารมณ์เดียว การรู้ความจริงก็ยิ่งชัดเจน แจ่มแจ้ง เพราะได้รู้ ได้ปฏิบัติ ได้เห็นด้วยตนเอง ความมั่นใจในความจริงกายภาพ-จิตภาพที่ต้องรีบรู้ รีบประพฤติก็ยิ่งมั่นคง เห็นด้วยใจตนเองที่ผ่องใสอีกว่า สติสัมปชัญญะเป็นคุณธรรมเบื้องต้นด่านแรกที่จะนำไปสู่ความจริงทางโลกและความจริงเหนือโลก
          การศึกษาที่ท้จริงเกิดขึ้นเมื่อมีครูดีและศิษย์ดี เพราะต่างเป็นผู้รักการฝึกฝนตนเองให้มีสติสัมปชัญญะนั่นเอง อีกทั้งอยู่ในสิ่งแวดล้อม ๕ ที่สะอาด เป็นระเบียบ คือ
          ๑. สิ่งแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติ เวลา ฤดูกาล อากาศปกติ ไม่แปรปรวน
          ๒. สิ่งแวดล้อมที่เป็นสัตว์ ไม่มีสัตว์ร้าย สัตว์มีพิษ สัตว์ตัวเล็กตัวน้อยรบกวน
          ๓. สิ่งแวดล้อมที่เป็นคน คือมีครูดี มีเพื่อนนักเรียนดี
          ๔. สิ่งแวดล้อมที่เป็นห้องเรียน สะอาด เป็นระเบียบ แสงสว่างพอ อากาศถ่ายเทสะดวกอุปกรณ์การเรียนการสอนครบ
          ๕. สิ่งแวดล้อมที่เป็นแบบแผนความประพฤติมีบทฝึกนิสัย มีลำดับการฝึกสติสัมปชัญญะ