วันบวชพระ : วันแห่งชัยชนะ "ทางโลกทางธรรม”
เริ่มแล้ว งานอุปสมบทสามเณรธรรมทายาท 3,500 รูป
หลังจากทีมงานจัดงานบวช
โดยมีคณะสงฆ์ สาธุชน รวมใจช่วยกันไปเตรียมงานบวช ตามวัดต่าง ๆ
วันที่ 12 ธันวาคม 2563 ฟ้าผ่องอำไพ วันแรกของการอุปสมบท
จังหวัดที่จัดงานบวชในวันนี้
สมุทรปราการ สระบุรี อยุธยา อ่างทอง นครนายก
สุพรรณบุรี นครปฐม ปราจีนบุรี รวม 8 จังหวัด 101 วัด
จำนวนพระบวชใหม่ 1 ใน 3 ของสามเณรทั้งหมด
ภาพกิจกรรมทำความสะอาดเตรียมสถานที่
เพื่อจัดเตรียมงานบวชพระในสถานที่ ต่างๆ
อริยวินัย : สิกขาบทของวินัยสงฆ์
กล่าวกันว่า เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว พระองค์ทรงตั้งระบบสังคมสังฆะใหม่ เป็นของชาวพุทธ คือ "สังคมพระสงฆ์" เพื่อเป็นแบบอย่างด้านความประพฤติที่ดีงาม ตลอดการเผยแผ่พระพุทธศาสนา 45 ปี พระองค์ทรงแก้ไขปัญหาการอยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุขในสังคมพหุของอินเดีย ด้วยวิธี "การบวช" โดยผู้ที่เข้าบวชนั้น พระพุทธองค์ นำหลักธรรม มาปฏิวัติระบบวรรณะความเชื่อด้านชาติพันธ์ุ ที่เรียกว่า "อริยวินัย" ซึ่งเป็นสิกขาบทของวินัยสงฆ์ ซึ่งมีความหมายแตกต่างจากคำว่า อริยะของชาวอารยันที่เรียกยกย่องตนเองว่าเป็นคนประเสริฐ
มนุษย์ทุกคนเท่าเทียมกัน เป็นคนดี คนชั่ว ไม่ได้อยู่ที่ชาติกำเนิด
พระพุทธองค์ทรงเปิดโอกาศให้ทุกคนทุกวรรณะ มีสิทธิเท่าเทียมกัน โดยไม่จำกัดเรื่องชาติพันธ์วรรณะ สมัครเข้ามาเป็นสมาชิก โดยมีพระองค์เป็นบรมครูและพระสาวกเป็นผู้ช่วย ให้การศึกษา อบรม เพื่อได้เรียนรู้คำสอนในพระพุทธศาสนา ฝึกการอยู่ร่วมกันในสังคม ฝึกการดำรงชีวิตด้วยหลักธรรมวินัย ฝึกฝนจิตใจ และประพฤติตนเป็นคนดีที่สังคมต้องการ เพื่อให้ช่วยเหลือตนเองได้ และช่วยเหลือผู้อื่นได้ มีบุคลิกจนเป็นที่เลื่อมใส ศรัทธา แก่ผู้ที่พบเห็น ทำให้สังคมสังฆะขยายไปอย่างรวดเร็ว และยังคงดำรงแบบแผนวัฒนธรรมประเพณีอยู่อย่างสงบสุขยาวนานกว่า 2,500 ปี มาจนถึงปัจจุบันนี้ เพราะทางพระพุทธศาสนาไม่ได้นำชาติกำเนิดมาเป็นตัวแบ่งคุณค่าของมนุษย์ แต่คำสอนของพระพุทธองค์ ถือว่าคนทุกวรรณะเกิดมามีความเสมอภาคกัน คนกระทำดี คนกระทำชั่ว ก็เป็นผลไปตามการประพฤติของตนที่ดี หรือ ชั่ว มิใช่ขึ้นอยู่กับชาติกำเนิด
ดังพุทธพจน์ ใน ขุทฺทกนิกาย สุตันตนิบาต อุรควรรค วสลสูตร ตรัสไว้ว่า
น ชจฺจา วสโล โหติ น ชจฺจา โหติ พฺราหฺมโณ
กมฺมุนา วสโล โหติ กมฺมุนา โหติ พฺราหฺมโณ
(ขุ.สุ.(บาลี) 25/306/352)
แปลความได้ว่า
"คนจะชื่อว่าเป็นคนเลวเพราะชาติกำเนิดก็หามิได้ จะชื่อว่าพราหมณ์เพราะชาติกำเนิดก็หามิได้ แต่ชื่อว่าเป็นคนเลวเพราะกรรม ชื่อว่าเป็นพราหมณ์เพราะกรรม" (ขุ.สุ.(แปล) 25/142/532)
กล่าวได้ว่า "ชีวิตนักบวช เป็นชีวิตที่ประเสริฐสุด ชีวิตที่เอื้อต่อการฝึกฝนตน เพื่อให้บรรลุธรรม"
พิธีกรรมงานบวชพระ ในวัดแต่ละแห่ง ตามสถานที่ต่าง ๆ
วันที่ 12 ธันวาคม 2563 เวลา 13.00 น
คณะสามเณรธรรมทายาท คณะผู้ปกครอง และญาติ เดินประทักษิณรอบอุโบสถ์ |
คุณครูไม่ใหญ่เคยให้โอวาทไว้ว่า
เรื่องของการบวช เป็นเรื่องสำคัญมาก
เพราะเป็นความรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนา
เป็นความปลื้มของมนุษย์และเทวดา
เป็นบารมีพิเศษของเรา
เพราะ บุญ เป็นบ่อเกิดของความสุข
และความสำเร็จในชีวิตทุกระดับ...
พิธีกรรมบวชพระภายในโบสถ์ |
ฉะนั้น ไม่ใช่เรื่องธรรมดา บุญบวช สามารถพลิกโลกได้
จากความวุ่นวาย สู่ความสงบ
จากความไม่ชอบ ความเกลียดชัง
สู่ความรักกันฉันท์พี่น้อง
เป็นเพื่อนร่วมโลก ที่ดีต่อกัน
มีความปรารถนาดี มีความเมตตา
ให้ทุกคนหลุดพ้นความทุกข์ พบสุขแท้จริง
เสร็จพิธีกรรมการบวชพระ : พระใหม่กำลังเดินออกจากโบสถ์ คณะญาติรอการอนุโมทนาบุญ |
สมัยพุทธกาล สังคมก่อนที่พระพุทธองค์จะตรัสรู้ นั้น มีลักษณะอย่างไร
ทำไมท่านจึงรับคนทุกระดับชนชั้น มาเป็นสมาชิกของสังคมสงฆ์
ทำให้เกิดสังคมใหม่ในสังคมชาวอินเดีย
ซึ่งสังคมเดิมของเขามีปัญหามากมาย
มีความคิดที่แตกต่างกันเยอะ
ตัวแปรอะไร
ทำให้พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรือง ต่อมานานนับพัน ๆปี
คณะญาติถวายจตุปัจจัยไทยธรรม : พระใหม่ให้พรผู้ปกครอง และคณะญาติ |
สภาพสังคมในสมัยก่อนพุทธกาล
สภาพสังคมอินเดียก่อนสมัยพุทธกาล
ที่มีความเชื่อแบบสังคมระบบวรรณะ มาเป็นเวลานานนับพันๆ ปี
มีจำนวนประชากรมากมายหลายเผ่าพันธ์ ทั้งที่เผ่าดั้งเดิม[พวกมิลักขะ]
และชนเผ่าอพยพหรือที่เรียกว่าพวกอารยัน และต่อมาก็เป็นเชื้อชาติผสมผสาน
ประเพณีและความเป็นอยู่มีความเชื่อที่ แตกต่างกันมาก
ทั้งด้านการประกอบอาชีพ การศีกษา การปกครอง
ทำให้การดำรงอยู่ร่วมกันในสังคมเกิดปัญหาด้านต่าง ๆ มากมาย เช่น
ความเลื่อมล้ำในสังคม การศึกษา การทำงาน การได้รับสิทธิในสังคมด้านต่างๆ
ที่ไม่เท่าเทียมกัน
ความเชื่อทางศาสนาก่อนพระพุทธเจ้าตรัสรู้
วิถีชีวิตของชนชาวอินเดียมีอิทธิพลมาจากศาสนาพราหมณ์
ดำรงชีวิตอยู่ด้วยความเชื่อในคำสอนของนักบวช
ประชาชนให้ความเคารพต่อนักบวชอย่างมาก
ซึ่งเป็นวรรณะที่มีความสำคัญมากและมีอิทธิพลต่อการดำรงชีวิต
ทุกคนถูกกำหนดสิทธิและหน้าที่ในสังคมตามอิทธิพลของนักบวชซี่งแบ่งคนออกเป็น 4
วรรณะ ได้แก่ พราหมณ์ กษัตริย์ แพทย์ ศูทร สามพวกแรกเรียกตนเองว่า "อารยะ"
เพราะถือว่าเป็นวรรณะที่ประเสริฐดีเลิศกว่าวรรณะ อื่นๆ ทำให้บทบาท
สิทธิและหน้าที่ ความเป็นอยู่ในสังคมของคนในวรรณะต่าง ๆ ถูกจำกัดสิทธิ
และกีดกัน แต่ละวรรณะแบ่งหน้าที่ และกำหนดหน้าที่ สถานภาพและอาชีพไว้ชัดเจน
ตั้งแต่ถือกำเนิด ทำให้ต่างคนต่างอยู่ ไม่ปะปนกัน มีความรังเกียจ
ดูถูกเหยียดหยามซึ่งกันและกัน ไม่ร่วมกิจกรรมด้วยกัน
การดำรงชีวิตไม่มีความสุข ชีวิตเป็นทุกข์ ตามการแบ่งวรรณะอย่างเข้มข้น
นอกจากนี้ ยังมีความเชื่อศาสนาเชน และ เจ้าลัทธิต่างๆ มากมาย
สภาพสังคมอินเดียโบราณเป็นสังคมแห่งนักคิด นักปราชญ์ตามลัทธิต่างๆ ออกบวชเพื่อมุ่งแสวงหาทางพ้นทุกข์จากความเป็นอยู่ที่เกิดขึ้น จากระบบวรรณะ ที่มีความไม่เสมอภาคกัน ประชาชนมีสิทธิในสังคมแตกต่างกัน เนื่องจากชาติกำเนิดเป็นตัวแบ่งแยก ไม่สามารถแก้ไขได้ การดำรงชีวิตในสังคม การเลี้ยงชีพในชีวิตประจำวันจึงเป็นทุกข์ รากเหง้าแห่งความทุกข์ก็คือกิเลสในใจคน แม้ว่าจะมีการแก้ปัญหา โดยการออกบวช เป็นนักบวชในช่วงวัยชราของศาสนาพราหมณ์ หรือ นักบวชในศาสนาอื่น ๆ ก็ตาม แต่ความเป็นทุกข์ประจำวันในการแบ่งคนไปตามสิทธิและหน้าที่ในสังคมตามระบบวรรณะ ก็ยังไม่ได้ลบล้างออกไป คนในวรรณะต่ำจึงสูญเสียสิทธิและโอกาสในการแสวงหาชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี และการศึกษาด้วย สังคมอินเดียโบราณจึงเกิดปัญหามากมาย
มีหลักฐานในพระไตรปิฎก กล่าวไว้ว่า บ้านเมืองของชาวอินเดียยุคพุทธกาล แบ่งเป็น 16 แคว้นใหญ่ 7 แคว้นเล็ก ประชาชนมาจากหลายเชื้อชาติเผ่าพันธ์ ก่อเกิดมีระบบวรรณะ มีการเลื่อมล้ำในสังคม มีแนวความคิดในวัฒนธรรมประเพณีและมีความเชื่อที่แตกต่างกันมาก ความเชื่อเรื่องการบูชายัญ ความเชื่อตามความคิดของเจ้าลัทธิทั้งหก ความเชื่อเรื่องพรหมลิขิต เทพเจ้าบันดาล เกิดปัญหาความอยู่ร่วมกัน วิถีชีวิตคนในสังคมชาวอินเดียถูกกำหนดด้วยคำสอนของศาสนาที่ทุกคนต้องปฏิบัติตามระบบวรรณะ
เห็นได้ว่า.....
การก่อเกิดสังคมสังฆะของชาวพุทธ จึงเป็นสังคมใหม่ ที่มีพระพุทธเจ้าเป็นบรมครูที่ยิ่งใหญ่ และมีมหากรุณาให้สรรพสัตว์ทั้งหลายพ้นทุกข์ และพบสุขแท้จริง ทรงสั่งสอนทุกคนด้วยความเมตตาจิต และทรงทำให้ดูเป็นตัวอย่าง เป็นต้นแบบที่ดี ตามหลักธรรมและวินัย และสามารถแก้ไขปัญหาในสังคมชาวอินเดียสมัยพุทธกาล ให้อยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุข การบวชในวันที่ 12,13,14 ธันวาคม พ.ศ. 2563 นี้ เป็นการเจริญรอยตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่มีการออกแบบชีวิตให้กับมนุษย์ทุกคน ได้เข้ามาศึกษา อบรม ฝึกตนตามหลักพระธรรมวินัย เป็นคนดี ที่ชาวโลกต้องการ
พระอุปัชฌาย์ ร่วมถ่ายกับพระภิกษุที่บวชใหม่ พร้อมทั้งผู้ปกครอง และคณะญาติ |
เหลือเวลาอีกไม่กี่วันก็จะสิ้นสุดการร่วมบุญบวชพระในโครงการนี้แล้ว
จึงขอเชิญชวนสาธุชนทุกท่าน ไปร่วมงานบวช ด้วยกันนะ
👇
ตรวจสอบรายชื่อ 222 วัด จ้ดอุปสมบท
โครงการอุปสมบทบูชาธรรมมหาปูชนียาจารย์ ปี 2563
วันที่ 12-14 ธันวาคม 2563
ได้ที่ https://bit.ly/3oB5pNS
ตรวจดูรายชื่อสามเณร และชื่อจังหวัดที่ต้องการเดินทางไปบวช
"ขอความร่วมมือสาธุชนที่มาร่วมงานปฏิบ้ติตามมาตรการทางสาธารณ
เจ้าหน้าที่จัดงานบวช คัดกรองคน : ผู้มาร่วมงานบวชพระ |
ขอขอบคุณแหล่งอ้างอิง และรูปภาพ
- สภาพสังคมและการเมืองอินเดียในสมัยพุทธกาล
- แคว้น 16 แคว้นในสมัยอินเดีย [Online],บรรจบ บรรณรุจิ ประวัติศาสตร์อินเดีย โบราณ(กรุงเทพฯ:สุขภาพใจ,2555)
- พรหมชาลสูตร : เจ้าลัทธิทั้งหก พระไตรปิฎกมหาจุฬา (ที.สี.(ไทย)9/165-180/53-59))[ออนไลน์]
- พระไตรปิฎกบาลี "น ชจฺจา วสโล โหติ" ฉบับสยามรัฐ[ออนไลน์](ขุ.สุ.(บาลี) 25/306/352)
- พระไตรปิฎก(แปลความ) ชาติกำเนิด (ขุ.สุ.(แปลไทย) 25/142/532)[Online]
- พระไตรปิฎก[Online] (องฺ.อฏฺฐก. (ไทย) 23/ 19/ 250) หรือ สุตตันตปิฎก ขุททกนิกายเล่มที่ 25 ข้อ 45 หน้า 266
อนุโมทนาบุญด้วยนะคะ🙏🙏🙏
ตอบลบปลื้ม ปลื้ม ปลื้ม ขอกราบอนุโมทนาบุญ สาธุ
ตอบลบกราบอนุโมทนาบุญค่ะ สาธุ สาธ สาธุ
ตอบลบสาธุ สาธุ สาธุ
ตอบลบสาธุ ขอกราบนมัสการพระธรรมทายาททุก ๆ รูป และขอกราบอนุโมทนาบุญคณะจัดงานบวชทุก ๆ ท่าน สาธุ
ตอบลบกราบอนุโมทนาสาธุครับ
ตอบลบสาธุ สาธุ สาธุ
ตอบลบกราบอนุโมทนาบุญค่ะ🙏🙏🙏
ตอบลบ