ร่วมด้วยช่วยกันแชร์เป็นธรรมทาน

วันจันทร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2564

เวลาทุกคนมีเท่ากัน : ทำ 3 อย่าง จะทำให้เกิดเป็นมนุษย์ ทำให้รวยเป็นมหาเศรษฐี และมีปัญญา

วันอาทิตย์ และวันพระ เข้าวัด ทำทานรักษาศีล ทำภาวนา กันเถอะนะ

เวลาในวันอาทิตย์ ของแต่ละคน เป็นวันที่ทุกคนต้องการพักผ่อนจากภารกิจทุกเรื่อง พุทธบริษัทก็จะเข้าวัด ทำบุญ แม้วันพระ ชาวพุทธก็ยังสะสมความดี ละความชั่ว ทำจิตใจให้ผ่องใส ตั้งแต่สมัยโบราณ สมัยสุโขทัยก็มีประเพณีเข้าวัด ทำบุญ ฟังธรรม รักษาศีล เป็นประจำ และชาวพุทธก็ยังคงรักษาประเพณี สืบต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้

ในวันอาทิตย์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2564 ก็ยังมีพุทธบริษัทมากมายเข้าวัดฟังธรรม เมื่อมองเห็นภาพคนเข้าร่วมงานบุญครั้งนี้แล้ว ทั้งที่มาเอง และมาไม่ได้เพราะ โควิด19 แต่ก็เข้าห้อง Zoom เข้าร่วมกิจกรรมกับทางวัด ทุกคนก็ตั้งใจ มาวัดทำบุญ บูชาข้าวพระ ถวายภัตตาหาร รักษาศีล ทำภาวนา ทั้งวัน 

ในพิธีงานบุญภาคบ่าย หลังจากปฏิบัติธรรม และทำพิธีประกอบสิริปทุมทิพย์เสร็จแล้ว


 

คุณครูไม่เล็ก ได้อ่านคำโอวาทในอดีตของคุณครูไม่ใหญ่ ดังนี้....

วันนี้เราได้ใช้วันเวลาที่เกิดมาเป็นมนุษย์ ด้วยการสร้างบารมี บรรลุวัตถุประสงค์ตรงเป้าหมายของการเกิดมาเป็นมนุษย์ เพราะการสร้างบารมีต้องอาศัยกายมนุษย์ ซึ่งเป็นกายที่สำคัญมาก ๆ ทีเดียว ส่วนกายอื่นเอาไว้เสวยผลบุญและบาป แม้แต่พระบรมโพธิสัตว์ เมื่อจะตรัสรู้ท่านก็ต้องมาเกิดด้วยกายมนุษย์ เพราะฉะนั้น...โลกมนุษย์มีเอาไว้สร้างบุญ สร้างบารมี นอกจากนั้นเป็นเรื่องของการดำรงชีพอยู่ ทำมาหากินเพื่อหล่อเลี้ยงสังขาร แต่ถ้าเราสั่งสมบุญมามาก เหมือนผู้มีบุญในกาลก่อน ซึ่งก็มีจำนวนมากที่ปรากฏในพระไตรปิฎกว่า "ได้สั่งสมบุญมามาก ๆ กับเนื้อนาบุญ บุญส่งผลให้มีสมบัติอัศจรรย์สมบัติอจินไตย สมบัติจักรพรรดิ ไม่ต้อง ทำมาหากิน" พอถึงเวลาสมบัติก็มารอคอย อำนวยความสะดวกในการสร้างบารมีของท่านเหล่านั้น

 

พิธีประกอบสิริปทุมทิพย์ ในงานบุญวันอาทิตย์ต้นเดือน วันอาทิตย์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2564
ณ วัดพระธรรมกาย จ.ปทุมธานี ถ่ายทอดสดออนไลน์ ที่สถานี GBN และ ผ่าน Application Zoom

ส่วนของเราที่ยังต้องทำมาหากิน ทำมาค้าขาย แสดงว่า "บุญเรายังทำไม่เต็มที่" เพราะฉะนั้น..อย่าประมาทในการสร้างบารมี ยิ่งเราได้รับทราบว่าวิมานหรือบ้านของเรา ที่เอาไว้อยู่หลังจากที่เราละจากโลกมนุษย์ไปแล้ว มีโครงสร้างด้วย ทาน ศีล ภาวนา ดังนั้น..เราต้องทำ 3 อย่างให้ครบถ้วนบริบูรณ์ อย่าไปประมาทชะล่าใจ หรือมีความคิดแปลก ๆ ว่า "เราจะทำไปทำไม"ชีวิตหลังจากตายแล้วบนโลกสวรรค์ มีทำเนียมประเพณี

ซึ่งแตกต่างจากโลกมนุษย์ ตอนที่เป็นมนุษย์เราคิดได้ว่า "ไม่เห็นจำเป็นต้องมีบริวาร" แต่คิดด้วยความไม่รู้ คิดเล่น ๆ หรืออะไรก็แล้วแต่ อย่าคิดเลยนะลูกนะ เพราะไปเป็นเทวดาแล้วมันจะคิดอีกอย่าง เนื่องจากเป็นสังคมของผู้มีบุญมีบารมี ต้องมีสมบัติเป็นทิพย์ วิมานเป็นทิพย์ บริวารเป็นทิพย์ มีอธิปไตย ต้องมีความใหญ่และมีความเกี่ยวข้องกันจะอยู่ตามลำพังไม่ได้ ด้องเกี่ยวข้องกันต้องสังสรรค์กัน ต้องไปมาหาสู่ ต้องเข้าเทวสมาคม เป็นธรรมเนียมปฏิบัติของชาวสวรรค์

 


ใครคิดเล่น ๆ สนุก ๆ ไม่เอานะลูกนะ ต้องคิดว่าทำอย่างไรจะสร้างบุญได้เยอะ ๆ ทั้งทาน ศีล ภาวนา หรือบุญกิริยาวัตถุ 10 หรือบารมี 10 ทัศ การสร้างบารมีมีความสำคัญอย่างนี้ สำคัญมาก ๆ ถ้ามีทรัพย์แล้วจะทำทานต่อไปก็สะดวก จะรักษาศีลก็ง่าย เจริญภาวนาก็ไม่ต้องห่วงใยอะไร ดังนั้น..ต้องสร้างบารมีให้ได้ทุก ๆ วัน วันนี้วิมานเราแค่นี้ วันพรุ่งนี้มันก็จะเปลี่ยนแปลงไปตามกำลังบุญที่เราสร้างเพิ่มขึ้น มันจะเป็นอย่างนี้มันจะไม่คงที่ นอกจากเราชะล่าใจ แค่นี้พอแล้วมีสิทธิ์ถอยหลัง เพราะผู้มีบุญเขาขยับไปข้างหน้า เราก็ต้องถอยลงมา ถอยไปเรื่อย ๆ จะถอยหรือเดินหน้า ถ้าเดินหน้าก็ต้องทำต่อไป เพราะฉะนั้น..ทุกบุญอย่าให้ตก อย่าให้หล่น ที่คิดบุญมาให้ ล้วนแต่สุดยอดของบุญทั้งนั้น 

ซึ่งก็เป็นโอวาทในดีตที่ท่านให้ไว้ใน ปี พ.ศ.2545


จากนั้น

 

หลวงพ่อทัตตชีโว ได้ให้ข้อคิดสะกิดเตือนใจ ไว้ว่า...

ทานที่ทำ เป็นหลักประกันว่า จะอย่างไร เราจะไม่จน  กลับเกิดอีกกี่ครั้ง ก็ไม่จน

ศีลที่รักษาไว้ดี เป็นหลักประกันว่า จะเกิดอีกกี่ครั้งกี่หน ยังได้เกิดเป็นคน

หากรักษาไว้ไม่ดี ไม่แน่ มันยังต้องเกิดอีกหลายหนในครั้งหน้า

เพราะบารมีของเรายังไม่เต็ม

 

ดูแต่พระโพธิสัตว์ เมื่อครั้งเป็นสุเมธดาบส ได้รับพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าทีปังกรแล้วว่า อีกสี่อสงไขแสนมหากัปเบื้องหน้าจะได้เกิดมาเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ชื่อว่า พระสมณโคดม เช่นเดียวกับพระองค์ ได้รับพยากรณ์แล้ว แต่ถึงขนาดนั้น กรรมเก่าทำเอาไว้ ที่ยังตามไม่ทัน ก็ยังมีอยู่ บางครั้งในระหว่าง สี่อสงไขแสนมหากัปนั้น ท่านก็พลาดเกิดมาเป็นสัตว์ก็มีเหมือนกัน เพราะของเก่ามันตามมา แต่ว่า ก็ยังดี ก่อนหน้านั้น ท่านรักษาศีลมาอย่างแน่นแฟ้น ถึงเป็นสัตว์ ก็เป็นไม่นาน พวกเรานะ ยังไม่ได้รับพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าองค์ไหน เรารู้อยู่นะว่าชาตินี้ ตั้งแต่เกิดมา จนมาถึงวันนี้ พลั้งเผลอเคยฆ่าสัตว์ ตัดชีวิต อะไรไปมั้ง แต่กำลังบุญของเรามันพอ ทำให้เราอยู่ได้จนถึงวันนี้ แต่ว่า ที่ยังตามมาไม่ทันนั้น อีกเท่าไร ไม่รู้ เพราะฉะนั้น ศีลก็รักษาให้ดีนะ ถ้าบาปเก่ามันตามมา ศีลเราก็รักษามาแน่นดี บาปเก่าทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน พุทธองค์เคยอุปมาเอาไว้ ว่า

บุญที่ทำเอาไว้ เหมือนน้ำบริสุทธิ์ ใครทำไว้น้อย ก็เหมือนกับน้ำมีสักโอ่งหนึ่ง แต่ใครทำบุญมามาก ทำทานมามาก เหมือนกับเหมือนน้ำเป็นสระใหญ่ๆ หรือมีน้ำเป็นบึงใหญ่ๆ คน2คนนี้ พลั้งเผลอไปทำบาปชนิดเดียวกัน แต่ว่าจะได้ผลไม่เท่ากันหรอก แล้วมันจะยุติธรรมรึ มันก็ไปได้ตามส่วน คือ การทำบาปชนิดเดียวกัน และหากว่าบาปนั้นมีอุปมาเหมือนเกลือ ไปทำบาปมาชนิดเดียวกันคือมีเกลือคนละถังโตๆ แต่คนหนึ่งมีบุญเท่าโอ่ง เอาเกลือถังโต ๆใส่ลงไปมันก็เค็มแย่เลย แต่อีกคนหนึ่งทำบุญไว้เยอะ รักษาศีลไว้เยอะ อุปมาเหมือนมีน้ำอยู่เป็นสระเป็นบึงใหญ่ๆ เอาเกลือเทลงไปถังหนึ่ง ก็ไม่สะดุ้งสะเทือนเท่าไรนะ

(คุณครูไม่เล็ก)อันนี้ก็ฝากไว้เป็นข้อคิด เพราะฉะนั้น 

ทาน...ที่ทำไว้เป็นเต็มที่ เป็นหลักประกันว่า จะเกิดอีกกี่ชาติๆ ก็ไม่จน

ศีล...เป็นหลักประกันว่า ไม่ว่ากรรมเก่าในอดีตจะตามมาอย่างไรก็ตาม เพราะรักษาศีลของเราชาตินี้ดี อย่างมากกรรมแบบนั้น ก็เป็นประเภทผ่อนส่ง เพราะบุญเราเตรียมเอาไว้เยอะอยู่ บาปเราก็ไม่อยากไปทำ แต่ว่า เผลอไปทำแล้ว แต่ว่าทำบุญไว้เยอะดี มันเลยทำอะไรเราไม่ได้ บาปเก่าทำเราได้เพียง มากวนใจเรานิดๆหน่อยๆ อันนี้ก็ฝากไว้เป็นข้อคิด ทานเป็นหลักประกันว่าไม่จน ศีลเป็นหลักประกันว่า ได้เกิดมาเป็นมนุษย์เหมาะในการสร้างบารมีต่อไป และภาวนาเป็นหลักประกันว่า เกิดอีกกี่ชาติ ๆ อย่างไรๆ ก็ไม่โง่ อย่างไร ๆ ก็สามารถทำใจหยุดใจนิ่งได้ง่าย โอกาสในการเข้าถึงพระธรรมกายในตัวไม่ยาก แม้นี้ก็เป็นสิ่งที่พวกเราต้องคิด นี้ยังไม่เกี่ยวกับว่า ละโลกไปแล้ว จะไปอยู่วิมาน วิมานจะเป็นอย่างไร วิมานก็ประกอบไปด้วย ทาน ศีล ภาวนา เป็นโครงสร้าง กลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีกที ก็มี ทาน ศีล ภาวนา เป็นโครงสร้างเหมือนกัน แต่เป็นโครงสร้าง คนละรูปแบบในตอนที่เป็นเทวดา ก็ฝากไว้เป็นข้อคิดด้วย....



ก่อนจบคำสอนดีๆ จากครูไม่ใหญ่ ข้อคิดเตือนใจจากคุณครูไม่เล็ก

เรามาฟังเพลง ให้ใจปลื้มๆ กันสักเพลง

ลองฟังให้จบ และตรองตามคำครู เราก็จะได้ข้อคิดหลาย ๆ อย่าง



 


ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลและรูปภาพ

4 ความคิดเห็น:

welcome everyone to เล่าเรื่องตามกาลเวลา