คุณธรรมเบื้องต้นใดที่ควรใช้ในการประเมินตนเอง
อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ โก หิ นาโถ ปโร สิยา
อตฺตนา หิ สุทนฺเตน นาถํ ลภติ ทุลฺลภํ
ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน คนอื่นใดเล่าจะเป็นที่พึ่งได้
บุคคลอันมีตนฝึกดีแล้ว ย่อมได้ที่พึ่งที่หาได้โดยยาก
ภาพประกอบ พานมาลัยมะลิใช้บูชาดวงแก้ว |
ใกล้วาระวันขึ้นปีใหม่สากลที่ต่างกำหนดว่าเป็นจุดเริ่มต้นของศักราชใหม่ บริษัทห้างร้านต่าง ๆ ได้ทำการสรุปงบดุลในปีที่ผ่านมา เพื่อเป็นการวัดผลประกอบการในปีที่ผ่านมา และเป็นแนวทางในการดำเนินกิจการในปีถัดไป แล้ว “พุทธบริษัท” อย่างพวกเราได้มีโอกาสในการวัดผล “คุณธรรม” ในปีที่ผ่านมากันหรือไม่ และควรวัดคุณธรรมในด้านใดบ้าง วันนี้ผู้เขียนขอยกตัวอย่างหัวข้อธรรมที่ควรใช้ในการวัดและประเมินคุณธรรมในตัวมาฝากเป็นของขวัญในวาระวันขึ้นปีใหม่แก่ทุกท่าน ซึ่งหัวข้อธรรมดังกล่าวคือ ศรัทธา ทาน ศีล สมาธิ และปัญญา นั่นเอง
ทาน...คือ การให้ด้วยเจตนา ๒ ประการ คือ ให้เพื่อสละความตระหนี่ที่มีในใจ ๑ ให้เพื่อสงเคราะห์และอนุเคราะห์ผู้อื่น ๑ แม้พระบรมโพธิสัตว์ทั้งหลายในกาลก่อน ภายหลังจากการได้รับพุทธพยากรณ์จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังได้ยกเรื่องของการทำทานขึ้นเป็น “พุทธการกธรรม” ประการแรก ทั้งนี้เพื่อให้เป็นเสบียงติดตามตัวไปในการสร้างบารมี อีกทั้งยังเป็นเครื่องประกันว่า เราจะไม่ขัดสนด้วยโภคทรัพย์ในการเดินทางข้ามห้วงวัฏสงสาร เราจึงไม่ควรดูเบาในเรื่องของการทำทานนี้ สำหรับหลักที่ควรใช้ในการประเมิน คือ เหตุที่ทำให้ทานของเรามีผลอันไพบูลย์ ได้แก่ วัตถุที่นำมาทำทานนั้นได้มาด้วยความบริสุทธิ์ (วัตถุบริสุทธิ์) บุคคล คือ ผู้ให้และผู้รับมีความบริสุทธิ์ ตั้งอยู่ในศีลในธรรม (บุคคลบริสุทธิ์) และเจตนามุ่งหวังในการให้มีความบริสุทธิ์ (เจตนาบริสุทธิ์) นี้คือคุณธรรมประการที่ ๒ จะควรประเมิน
ศีล...คือ การรักษาปกติของความเป็นมนุษย์ ๕ ประการ กล่าวคือ ไม่เบียดเบียนชีวิต (ศีลข้อที่ ๑) ทรัพย์สิน (ศีลข้อที่ ๒) และครอบครัวของผู้อื่น (ศีลข้อที่ ๓) รักษาความไว้วางใจด้วยคำพูดและการกระทำ (ศีลข้อที่ ๔) รวมถึงไม่กระทำการใด ๆ อันเป็นเหตุให้สูญเสียสติสัมปชัญญะ (ศีลข้อที่ ๕) อีกทั้งยังให้โอกาสตนเองในการพัฒนาคุณภาพจิตใจด้วยการรักษาอุโบสถศีลหรือศีล ๘ ตามวาระอันสมควร ในการรักษาศีลนี้ หากเรามีศรัทธาหรือความเชื่อมั่นในเรื่อง “ศรัทธา” ดังที่ได้กล่าวในข้างต้น ย่อมเป็นเครื่องยืนยันความมั่นใจได้ว่า เราจะได้อัตภาพความเป็นมนุษย์ ไม่พิกลพิการในการเดินทางข้ามห้วงวัฏสงสาร เพราะเหตุที่เราได้ประกอบไว้อย่างดีแล้ว นอกจากนี้ยังพึงศึกษาถึงวิธีประเมินความบริสุทธิ์ของศีลในแต่ละข้อเพิ่มเติม นี้เป็นคุณธรรมประการที่ ๓ ที่ควรได้รับการประเมิน
สมาธิ...คือ ความตั้งมั่นแห่งจิตไปตามลำดับ (เอกัคคตาจิต) เป็นเสมือนฐานรากและเสาเข็มที่จะรองรับปัญญาในการตรัสรู้ธรรม หากขาดเสียซึ่งสมาธิที่ถูกต้อง (สัมมาสมาธิ) แล้ว ยากเหลือเกินที่จะได้มาซึ่งปัญญาในการตรัสรู้ธรรม สัมมาสมาธิ ที่ปรากฏในคัมภีร์พระไตรปิฎก ท่านหมายเอา ฌานสมาบัติ หรือ ฌาน ๔ นั่นเอง ซึ่งใน “สามัญญสูตร” พระพุทธองค์ยังได้ตรัสลงใน “สามัญญผลเบื้องกลาง” อีกด้วย แต่สำหรับบางท่านที่ยังไปไม่ถึงในระดับดังกล่าว ก็อย่าเพิ่งตัดพ้อตนเองไป ขอให้หมั่นตรวจสอบดูว่า เราได้ประพฤติปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ และทำได้อย่างถูกต้องถูกวิธีหรือไม่ ถ้าเราทำได้อย่างสม่ำเสมอและถูกวิธี ผลแห่งความพยายามนั้นย่อมนำเราไปสู่ผลที่น่าพึงพอใจอย่างแน่นอน นี้เป็นคุณธรรมประการที่ ๔ ที่ควรได้รับการประเมิน
ปัญญา...คือ ความรู้แจ้งเห็นจริงในธรรม โดยทั่วไปในคัมภีร์พระไตรปิฎกมักจะกล่าวถึง “ปัญญา” ว่าคือ การมองเห็นอริยสัจ ๔ ซึ่งนับเป็นขั้นสูงสุดของการบรรลุธรรม อันจะนำไปสู่ความหลุดพ้น (วิมุตติ) นั่นเอง สำหรับในเรื่องของปัญญานี้เป็นขั้นต่อจาก “สมาธิ” ที่กล่าวในข้างต้น หากเรายังทำสมาธิได้ยังไม่สมบูรณ์พอ ก็ยากที่ปัญญาอันยิ่งจะบังเกิดขึ้น แต่ถึงกระนั้น ก็อย่าเพิ่งด่วนเลิกล้มความตั้งใจไปเสีย เพราะ “ปัญญา” ในระดับที่รองลงมายังมีอยู่ กล่าวคือ ปัญญา ๓ ได้แก่ ปัญญาที่เกิดขึ้นจากการขบคิดพิจารณา (จินตามยปัญญา) จากการศึกษาเล่าเรียนได้ยินได้ฟัง (สุตมยปัญญา) จากการทำภาวนาเข้าถึงฌานสมบัติ (ภาวนามยปัญญา) ซึ่งทั้งหมดนี้ คือ กระบวนการในการศึกษาธรรมในระดับต่าง ๆ แม้ในระดับของ “ภาวนามยปัญญา” เราต้องมีผลของ “สมาธิ” หรือ “ฌานสมบัติ” แต่สำหรับ “จินตามยปัญญา” และ “สุตมยปัญญา” เราสามารถลงปฏิบัติในทั้งที กล่าวคือ เราได้ตั้งใจศึกษาธรรมและไตร่ตรองพิจารณาเพื่อนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้มากน้อยเพียงใด เป็นสิ่งที่เราควรประเมินเป็นประการที่ ๕
ดังนั้นในวาระใกล้วันขึ้นปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงนี้ จึงควรที่พุทธบริษัทอย่างพวกเราจะได้มีโอกาสในการวัดผล “คุณธรรม” ในปีที่ผ่านมา ด้วยการประเมิน ศรัทธา ทาน ศีล สมาธิ และปัญญา ดังที่ได้กล่าวไว้ในข้างต้น เมื่อเราประเมินคุณธรรมในตัวได้ดังนี้ ก็จะเป็นบรรทัดฐานในการประพฤติปฏิบัติและฝึกฝนอบรมตนเองต่อไป หากในปีที่ผ่านมายังทำได้ไม่สมบูรณ์ ในปีต่อไปจะได้ทำให้สมบูรณ์ขึ้น เมื่อเป็นเช่นนี้ คุณธรรมของเราก็จะได้รับการปรับปรุงในสมบูรณ์ยิ่ง ๆ ขึ้นไปในทุก ๆ ปี นับเป็นของขวัญวันขึ้นปีใหม่ชิ้นใหญ่ที่เราจะมอบให้กับตัวของเราเอง และหากเราสามารถยกระดับเป็นการประเมินในระดับ “เดือน” หรือ “สัปดาห์” หรือ “วัน” ได้แล้ว นับว่าเป็นการพัฒนาที่ดีเยี่ยมของเราสืบต่อไป อนุโมทนากับทุกท่านมา ณ โอกาสนี้
___________________________
*ศึกษารายละเอียด "องค์แห่งศีล" ได้ที่ อรรถกถา ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค มหาวรรค ญาณกถา สีลมยญาณนิทเทส
🙏🙏🙏กราบอนุโมทนาสาธุเจ้าค่ะ
ตอบลบขอกราบนมัสการและขอกราบอนุโมทนาบุญ สาธุ
ตอบลบกราบอนุโมทานา
ตอบลบสาธุ สาธุ สาธุ
กราบอนุโมทนาบุญเจ้าค่ะ
ตอบลบสาธุค่ะ
ตอบลบต้องนำมาประเมินตนเอง และปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้ตนเองดีขึ้นค่ะ
สาธุๆ สาธุครับ
ตอบลบ